เตือน 9 อันตราย "วันลอยกระทง" ที่ไม่ควรมองข้าม

นพ.กฤษดา  ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ  ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) กล่าวว่า วันลอยกระทง เป็นเทศกาลที่มีประชาชนเป็นจำนวนมากให้ความสนใจ แต่ภายใต้ความสนุกสนานรื่นเริงนั้นก็มีอันตรายแฝงอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องรู้ให้ทันและป้องกันตัวจาก 9 อันตราย ดังต่อไปนี้

1. จมน้ำ ภัยที่นับว่าใหญ่หลวงจากน้ำ นั่นคือจมเรื่องแบบนี้ไม่เพียงแต่จะเกิดขึ้นกับเด็กๆเท่านั้น แม้แต่ผู้ใหญ่เองหากไม่ระมัดระวังก็อาจเกิดเรื่องเศร้าสลดได้ เนื่องจากประเพณีนี้เป็นประเพณีที่จัดในช่วงเวลากลางคืน ทำให้วิสัยทัศน์ไม่ชัดเจนเท่าตอนกลางวัน อาจทำให้พากันเดินตกน้ำ หรือ ตอนปล่อยกระทงลงน้ำก็อาจจะชะโงกลงมากเกินไปก็อาจทำให้พลัดตกน้ำได้ นอกจากนี้ ช่วงเวลานี้ยังมีผู้ลงไปเล่นน้ำรับแสงจันทร์ หรือที่เรียกว่าอาบน้ำเพ็ญก็ต้องระมัดระวังอันตรายจากการจมน้ำด้วย

2. สำลักน้ำ น้ำใสในช่วงลอยกระทงอาจแฝงไว้ด้วยเชื้อร้ายโดยเฉพาะน้ำบ่อ,ท่อ,คลองหรือแม้แต่น้ำในโอ่งบ้านที่เก็บไว้นาน จะเป็นที่อยู่ของเชื้อฝีสมองและฝีตับได้ ส่วนใหญ่เป็นเชื้ออะมีบ้าที่ซ่อนอยู่ในน้ำจืด การเล่นน้ำแล้วสำลักจะทำให้เชื้อนี้ขึ้นสมองได้

3. พลุระเบิด นับว่าเป็นอันตรายที่เกิดขึ้นบ่อยและมักจะเกิดขึ้นกับเด็กหรือวัยรุ่น เนื่องจากพลุกับดอกไม้ไฟถือเป็น ไฮไลท์ของงานลอยกระทงเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น ไฟเย็น กระจับ โอ่ง ฯลฯ หากเล่นกันแบบไม่ลืมตัวว่า กำลังเล่นอยู่กับไฟก็จะไม่อันตรายนัก แต่หากเล่นสนุกจนลืมระมัดระวังตัว พลุก็อาจระเบิดใส่หน้า ตาบอด มือแหก หรือ นิ้วขาด กันได้ และในช่วงนี้ขอให้ระวังเรื่องฟืนไฟไหม้บ้านกันไว้ด้วย

4. ติดโรครัก หนุ่มสาวคู่รักมักมาลอยกระทงร่วมกัน ลอยกระทงเป็นงานสำคัญที่อาจตามมาด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ไม่ว่าจะเป็น หนองใน,กามโรค,ตกขาว,เอดส์,ตับอักเสบบี,ซิฟิลิส​ ฯลฯ กลายเป็นควันหลังไม่รู้ลืมหลังคืนวันลอยกระทง ดังนั้นสำหรับคู่รักนักลอยกระทงหากจะมีโปรแกรมต่อก็ขอให้ปลอดภัยไว้ก่อน

5. โรคผิวหนัง เป็นผื่นคัน ติดเชื้อราหรือว่าตาแดง  โรคที่ว่านี้เป็นพิษจากน้ำเป็นหลัก โดยเฉพาะแหล่งน้ำนิ่งที่ใช้ลอยกระทง น้ำนั้นมีสิทธิ์กลายเป็นน้ำเน่ารวมเชื้อได้มาก หากลอยกระทงแล้วมีเหตุให้เปียกน้ำก็ขอให้รีบล้างออกแล้วซับให้แห้งไม่ต้องประแป้งแข่งกับนางนพมาศเพราะอาจเรียกเชื้อราให้มาหาผิวได้หนักขึ้น

6. ไฟดูด เป็นอีกเรื่องหนึ่งไม่ควรประมาท เพราะลอยกระทงต้องเกี่ยวกับน้ำ การสัมผัสน้ำด้วยส่วนต่างๆ ของร่างกายจะเป็นสื่อนำไฟฟ้าเข้ามาหาตัวได้ ถ้าลอยในแหล่งน้ำธรรมชาติหากไม่แน่ใจก็ขอให้ใส่รองเท้ายางหุ้มส้น

ไปด้วยเพื่อจะได้กันไฟดูด หรือถ้าเป็นในเด็กเล็กขอให้ผู้ปกครองดูมือไม้ให้แห้งไม่เปียก และระวังอย่าให้ไปจับ

รูปลั๊กไฟมิเช่นนั้นจะโดนช็อตเอา 7. เป็นหวัด ท้องเสีย มาเป็นแพ็กคู่แห่งโรคร้อนช่วงลอยกระทง ทั้งหวัดและท้องเสียนี่มากับสัมผัสโดยเฉพาะสองมือเราที่จับกระทง วักน้ำแล้วมาจับอาหารรับประทาน รวมไปถึงอาการเจ็บป่วยที่อาจเป็นอยู่แล้ว การต้องสัมผัสของร่วมกันก็มีสิทธิ์กระจายเชื้อเอื้ออาทรไปให้อีกท่านได้โดยไม่ตั้งใจ การล้างมือบ่อยๆ จะช่วยให้ปลอดภัยจากอันตรายใขข้อนี้ได้

8. แมลงสัตว์กัดต่อย ในเวลากลางคืนเป็นเวลาที่สัตว์มีพิษออกหากิน  บางคนอาจต้องเดินผ่านพุ่มไม้มืดๆ หรือการเดินทางกลับบ้านดึกก็เสี่ยงกับสัตว์มีพิษที่เรามองไม่เห็น เช่น แมลงก้นกระดก, มดคันไฟ, ตะขาบหรืองู ทางที่ดีควรหาไฟฉายเตรียมไว้กับไม้ตะพดเหมาะมือสักอัน ไม่ได้เอาไปฟาดฟันใครแต่ให้ใช้ตีให้สัญญาณไล่สัตว์ร้ายไปก่อน  ท่านที่กลับดึกมากขอให้ระวังเรื่องโจรผู้ร้ายไว้ด้วย

9. ป่วยการเมือง เมื่อคืนลอยกระทงดึกไปหน่อยหรือมีโปรแกรม ෳจัดหนัก෴ อดหลับอดนอนทำให้ตอนเช้าไม่อยากตื่น  ถ้าท่านใดมีงานต้องทำต่อก็อาจพาให้เสียงานได้ ดังนั้นการป้องกันป่วยหลังลอยกระทงก็ขอให้ระวัง 2 เรื่องหลักไว้คือ ෳนอนดึก෴ กับ ෳอัลกอฮอล์෴ ถ้าจะลอยกระทงให้สนุกและไม่ทุกข์ตามมาขอให้เลี่ยงสองสิ่งนี้จะดีกว่า

อย่างไรก็ตาม นายแพทย์กฤษดา กล่าวว่า อันตรายทั้ง 9 ข้ออาจเกิดขึ้นได้กับทุกท่านในวันลอยกระทง ดังนั้นการป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการไม่ประมาทไม่จำเป็นต้องเอาสติใส่กระทงลอยลงน้ำไปด้วย แต่ให้เอาสติกำกับไว้ขณะมีความสุข หากชวนกันไปลอยท่าน้ำไหน ไปรับประทานอะไรกันต่อหรือในขณะจุดเทียนธูปบูชาพระแม่คงคาผู้ประเสริฐ ขอให้เปิดตาเปิดใจและเปิดสมองไว้กว้างๆ อย่าให้อัลกอฮอล์หรือ อารมณ์ชั่ววูบมาทำให้เราหมดสนุกในวันแห่งความสุข

 

ที่มา : ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS)