อาหารที่ช่วยให้ยิ้มสวย

เชื่อว่า ทุกคนอยากจะมีรอยยิ้มที่ทำให้คนที่พบเห็นเกิดความประทับใจ จากการศึกษาพบว่าอาหารที่เรารับประทานเข้าไปนั้น มีส่วนช่วยให้ทั้งที่ทำให้ในแง่บวกและแง่ลบ อาหารบางอย่างทำให้ฟันสวย เหงือกแข็งแรง จึงมีรอยยิ้มที่สวยงาน ในขณะที่อาหารบางอย่างจะก่อให้เกิดฟันผุได้ง่าย และทำให้เหงือกและฟันไม่แข็งแรง จึงทำให้ยิ้มออกมาไม่สวย ดังนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกรับประทานอาหารอย่างไรให้เรามีรอยยิ้มที่น่ามอง

อาหารที่ช่วยให้ยิ้มสวย

เห็ดหอม จากข้อมูลการศึกษาของสถาบันทันตแพทย์นานาชาติ พบว่า สารในเห็ดหอม ซึ่งเป็นน้ำตาลที่มีชื่อว่า เล็นทิแนน (Lentinan) จะช่วยลดการเกิดแบคทีเรียในช่องปากซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดฟันผุ และปัญหาของเหงือกอับเสบ

โยเกิร์ต อุดมไปด้วยแคลเซียมและโปรตีนที่ช่วยเสริมสร้างฟันและเนื้อเยื่อในช่องปาก สารสำคัญในโยเกิร์ตอีกชนิดคือจุลินทรีย์โปรไบโอติก จากการศึกษา และตีพิมพ์ในวารสารทางทันตแพทย์ พบว่า โปรไบโอติกที่มีอยู่ในโยเกิร์ตจะช่วยลดการเกิดการอักเสบของเหงือก และเนื้อเยื่อในช่องปาก อีกผลการศึกษา พบว่า ผู้ที่รับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำจะลดปัญหาของกลิ่นปากอันเกิดมาจากการสะสมของแบคทีเรียในช่องปากลงได้

หัวหอม สารสำคัญที่อยู่ในหัวหอม คือ สารกลุ่มซัลเฟอร์และเควอซิทิน ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ทางยา คือ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา การแพทย์ทางเลือกมักจะใช้หัวหอมดิบในการทำความสะอาดช่องปากเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียโดยให้เคี้ยวหัวหอมสดหลังมื้ออาหารเพื่อทำความสะอาดช่องปาก

ถั่ว สารอาหารที่มีอยู่ในถั่วจะเป็นไขมันและโปรตีนเป็นส่วนใหญ่ จะมีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลเพียงเล็กน้อย เมื่อรับประทานแทนขนมหรือของว่างจะลดการเกิดปัญหาของช่องปากลงได้ และในถั่วยังมีวิตามินดี วิตามินอีที่ช่วยลดการอักเสบของช่องปาก

ฝรั่ง พุทรา และแอปเปิ้ล ผลไม้ในกลุ่มนี้จะมีใยอาหารสูง เปรียบเสมือนที่ขัดฟันทำหน้าที่ทำความสะอาดเพื่อให้ฟันขาวสะอาดและกำจัดแบคทีเรียและคราบที่ติดอยู่ตามฟันให้ออกได้ง่าย ผลไม้ยังมีวิตามินซีที่ช่วยลดการเกิดเลือดออกตามไรฟันที่เป็นอีกหนึ่งปัญหาของช่องปาก นอกจากนี้ เนื่องจากเวลากินผลไม้เหล่านี้ต้องอาศัยการเคี้ยวในระยะเวลานาน จึงช่วยเร่งการผลิตน้ำลายจากต่อมน้ำลายเป็นการล้างเอาสิ่งสกปรกออกจากช่องปากได้อีกทางหนึ่ง

ผักใบเขียว นอกจากจะมีใยอาหารสูงเหมือนกลุ่มผลไม้แล้ว ผักใบเขียวอุดมไปด้วยแร่ธาตุเหล็ก แคลเซียมและฟอสฟอรัสที่ทำหน้าที่ให้ฟันแข็งแรง ป้องกันการเกิดฟันผุ

บล็อกโคลี่ จากการศึกษาและตีพิมพ์ในวารสารทางทันตกรรมของยุโรป พบว่า แร่ธาตุเหล็กที่มีอยู่ในบล็อกโคลี่จะช่วยลดการเกิดการผุกร่อนของฟัน หรือเปรียบเสมือนเคลือบฟัน ที่ช่วยป้องกันการกัดกร่อนผิวฟันเนื่องมาจากอาหารและเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรดเช่น น้ำอัดลม การรับประทานบล็อกโคลี่พร้อมกับน้ำอัดลมจะช่วยลดความเป็นกรดของน้ำอัดลมลงและป้องกันผิวฟันไม่ให้ถูกทำลาย

น้ำเปล่า น้ำสมุนไพรไม่ใส่น้ำตาล น้ำเปรียบเสมือนสารชะล้างสิ่งตกค้างในช่องปาก ในบางครั้งหลังอาหารจะมีคราบอาหารที่ตกค้างเมื่อปล่อยทิ้งไว้ในเวลาหนึ่งแบคทีเรียจะเริ่มขยายตัว และทำลายเหงือกและฟัน ดังนั้น หากต้องการลดการเกิดแบคทีเรียในช่องปากทางหนึ่งคือ ดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำสมุนไพรไม่ใส่น้ำตาลเป็นประจำโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมื้ออาหารเพื่อเป็นการทำความสะอาดช่องปาก

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

น้ำตาล ขนมหวาน ไอศกรีม อาหารในกลุ่มนี้จะมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลักรวมกับกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่เมื่อเจอกับน้ำย่อยในปากก็จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลเช่นกัน น้ำตาลคืออาหารของแบคทีเรียที่มีอยู่ในช่องปากเมื่อได้อาหารแบคทีเรียก็จะเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เร่งให้เกิดการฟันผุและการติดเชื้อที่เหงือก

น้ำอัดลม มีตัวที่จะทำลายฟันถึงสองตัว ตัวแรกคือ น้ำตาล และตัวที่สอง คือ กรดคาร์บอนิก ซึ่งมีฤทธิ์ในการกัดกร่อนฟัน ทำให้ผิวฟันบางลดและเมื่อดื่มเป็นประจำเนื้อฟันก็จะถูกทำลาย ทำให้เกิดฟันผุ นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดแผลบริเวณช่องปาก

กาแฟ แม้ว่าจากการศึกษาจะพบสารกลุ่มโพลีฟีนอลที่มีอยู่ในกาแฟที่มีฤทธิ์ช่วยป้องกันฟันผุได้ส่วนหนึ่ง แต่ในด้านของความสวยงามของฟันแล้ว ควรที่จะหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟเป็นประจำ เพราะจะทำให้ฟันเหลืองและก่อให้เกิดกลิ่นปาก

อาหารแข็ง อาหารคม บางคนชอบที่จะเคี้ยวน้ำแข็งเล่น หรืออาหารอย่างอื่นที่แข็งและคม อาหารเหล่านี้จะทำให้ฟันหักได้และอาจจะบาดเนื้อเยื่อช่องปากทำให้เกิดแผลและเกิดการอักเสบตามมา

ผลไม้แห้ง แม้ว่าผลไม้จะเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ผลไม้แห้งจะมีปริมาณของน้ำตาลที่สูงมากกว่าผลไม้สด จากการศึกษาพบว่าการรับประทานผลไม้แห้งส่งผลต่อการเกิดฟันผุได้เหมือนกันกับการรับประทานขนมหวานที่มีน้ำตาล ดังนั้น หากจะรับประทานผลไม้แห้งเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายก็ควรที่จะทำความสะอาดช่องปากเพื่อลดเชื้อแบคทีเรีย

น้ำผลไม้รสเปรี้ยว น้ำส้มสายชู อาหารกลุ่มนี้มีฤทธิ์เป็นกรดจะทำลายเนื้อเยื่อฟัน เกิดการกัดกร่อนผิวฟัน ทำให้เกิดอาการฟันผุและเสียวฟันได้ง่าย

ที่มา : หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการ โดย ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล