SELECT autopage4_data_topic.IdTopic , autopage4_page_topic.DataDetail , autopage4_page_topic.TitleDetail FROM autopage4_page_topic INNER JOIN autopage4_data_topic ON autopage4_data_topic.IdTopic = autopage4_page_topic.IdTopic AND autopage4_data_topic.IdTopic = 1184
คุณเป็นโลหิตจางหรือไม่
นอกจากนี้อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โลหิตจางได้คือการได้รับสารตะกั่วเข้า สู่กระแสเลือดมากเกินไป เด็กในช่วงอายุระหว่าง 9 เดือน 2 ปี จะเป็นช่วงเสี่ยงต่อการเป็นโรคโลหิตจางมากที่สุด เด็กที่อยู่ในช่วงวัยนี้ควรได้รับการตรวจเลือดเพื่อดูว่าเป็นโรคโลหิตจาง หรือไม่ โดยเฉพาะเด็กที่เกิดก่อนกำหนดควรได้รับการตรวจเลือดเร็วกว่าช่วงอายุดัง กล่าว
ชนิดขาดกรดโฟลิก (Folic acid Deficiency Anemia) มักเป็นผลจากการขาดวิตามินบีซึ่งจำเป็นในการสร้างฮีโมโกลบิน ภาวะโลหิตจางชนิดนี้พบบ่อยในโรคพิษสุรา และโรคลำไส้ ซึ่งพบน้อยกว่า
ธาตุเหล็กชนิดที่มีอยู่ในไข่และพืช ผักใบเขียวต่าง ๆ รวมไปถึงถั่วเมล็ดแห้ง อาหารพวกนี้มีธาตุเหล็กสูง แต่ธาตุเหล็กในกลุ่มนี้จะดูดซึมเข้าร่างกายได้ไม่ดีนัก จึงควรรับประทานร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูงในมื้อเดียวกัน เพื่อช่วยในการดูดซึม
ที่มา www.kapook.com
โรคโลหิตจาง อาการป่วยของคนขาดธาตุเหล็ก
ดูแลตนเองเมื่อเป็นโลหิตจาง (e-magazine)
โลหิตจางเป็นความผิดปกติของเลือดที่พบได้บ่อยที่สุด
โรงพยาบาลหลายแห่งกำลังขาดแคลนเลือด
ซึ่งทีมงามอีแมกกาซีนก็พร้อมที่จะช่วยเหลือสังคม
แต่ทว่าหนึ่งสาวในทีมของเรากลับไม่สามารถบริจาคเลือดได้
แม้ว่าเธอจะดูแลร่างกายและพักผ่อนนอนหลับอย่างเพียงพอแล้วก็ตาม
โดยคุณหมอได้ให้เหตุผลว่า เธอมีอาการของโลหิตจาง
ซึ่งวันนี้เราคุณผู้อ่านมาทำความรู้จักกับโรคที่ว่านี้กัน
ภาวะ
โลหิตจาง (Anemia) เป็นโรคทางโลหิตวิทยาที่พบบ่อยที่สุด
โดยเกิดจากการมีจำนวนเม็ดโลหิตแดงน้อยหรือมีการทำงานที่ผิดปกติ
สีของเม็ดเลือดแดงมาจากฮีโมโกลบิล
ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีธาตุเหล็กเป็นตัวนำออกซิเจน
สำหรับการเกิดของโรคโลหิตจางก็เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น
เกิดจากการขาดอาหาร การเผาผลาญบกพร่อง ยาบางชนิด ได้รับสารพิษ
เสียโลหิตเป็นจำนวนมาก เป็นมะเร็งและโรคอื่นอีกหลายชนิด
คุณเป็นโลหิตจางหรือไม่
ผู้ป่วยมักมาด้วยอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ผิวซีด หอบเหนื่อย
หัวใจเต้นแรง แต่การวินิจฉัยที่แน่นอนคือการตรวจเลือด (CBC)
แล้วใครบ้างละเสี่ยงต่อการขาดธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของการเกิดโรค
กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลหิตจาง ได้แก่ สตรีมีครรภ์
สตรีหลังคลอด สตรีมีประจำเดือน และเด็กในวัยเจริญเติบโต
ผู้หญิงที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์จะมีการสร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มมากขึ้น
เพื่อให้ร่างกายสามารถนำสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงคุณแม่
และทารกในครรภ์อย่างเพียงพอ
ส่วนสตรีหลังคลอดจะสูญเสียธาตุเหล็กไปกับเลือดขณะคลอด ดังนั้น
ร่างกายต้องการธาตุเหล็กมากกว่าปกติเช่นกัน
สำหรับเด็กจะต้องการธาตุเหล็กโดยเฉลี่ย 1 มิลลิกรัมต่อวัน
จึงเพียงพอต่อร่างกายที่กำลังเจริญเติบโต
แต่ธาตุเหล็กจากอาหารจะได้รับการดูดซึมไม่ดีนัก หรือเพียงร้อยละ 10
เท่านั้น ดังนั้นเพื่อป้องกันภาวะโลหิตจางในเด็กจึงควรได้รับธาตุเหล็กวันละ
8 ถึง 10 มิลลิกรัม ทั้งนี้
ความต้องการธาตุเหล็กของเด็กที่ดื่มนมแม่จะน้อยกว่านี้
เพราะธาตุเหล็กจากนมแม่จะดูดซึมได้ดีกว่าถึง 3 เท่าตัว
นอกจากนี้อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โลหิตจางได้คือการได้รับสารตะกั่วเข้า สู่กระแสเลือดมากเกินไป เด็กในช่วงอายุระหว่าง 9 เดือน 2 ปี จะเป็นช่วงเสี่ยงต่อการเป็นโรคโลหิตจางมากที่สุด เด็กที่อยู่ในช่วงวัยนี้ควรได้รับการตรวจเลือดเพื่อดูว่าเป็นโรคโลหิตจาง หรือไม่ โดยเฉพาะเด็กที่เกิดก่อนกำหนดควรได้รับการตรวจเลือดเร็วกว่าช่วงอายุดัง กล่าว
โลหิตจางที่พบบ่อย
ชนิดขาดธาตุเหล็ก (Iron Deficiency Anemia) ซึ่งพบมากที่สุด เกิดจากร่างกายขาดธาตุเหล็ก
ทำให้ไม่เพียงพอในการสร้างฮีโมโกลบิน
อาจเกิดจากการรับประทานอาหารไม่เพียงพอ มีโรคลำไส้หรือเสียเลือด
ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการมีประจำเดือนมากหรือมีการเสียโลหิตเรื้อรังจากสาเหตุ
อื่น
ชนิดไขกระดูกบกพร่องหรืออะพลาสติก (Aplastic) เกิดเมื่อไขกระดูกไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดบางชนิดได้เพียงพอ เช่น
เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว หรือเกล็ดเลือด
แต่เม็ดเลือดที่ผลิตได้จะมีลักษณะทั่วไปเป็นปกติ สาเหตุที่เป็นไปได้คือ
มีความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือมีเนื้องอกของต่อมไทมัส
การได้รับรังสีและสารเคมีบางชนิดหรือเกิดภายหลังโรคติดเชื้อ
ภาวะนี้อาจเกิดขึ้นโดยไมทราบสาเหตุ
ชนิดขาดกรดโฟลิก (Folic acid Deficiency Anemia) มักเป็นผลจากการขาดวิตามินบีซึ่งจำเป็นในการสร้างฮีโมโกลบิน ภาวะโลหิตจางชนิดนี้พบบ่อยในโรคพิษสุรา และโรคลำไส้ ซึ่งพบน้อยกว่า
ชนิดเม็ดเลือดแดงแตกหรือฮีโมลิติก (Hemolytic Anemia) เกิดจากมีการทำลายเม็ดเลือดแดงเกินกว่าที่ร่างกายจะสร้างทัน
บางครั้งเกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อต้านเซลล์เม็ดเลือดแดง
ชนิดขาดวิตามินบี หรือเพอร์นิเซียส (Pernicious Anemia) เกิดจากการขาดวิตามินบี 12 เนื่องจากกระเพาะอาหารไม่สามารถสร้างสารที่จำเป็นในการดูดซึมวิตามินเข้าสู่กระแสโลหิต
การรักษา
การรักษาโรคโลหิตจางในแต่ละชนิด มีแนวทางการรักษาที่ไม่เหมือนกัน
หากสงสัยควรไปรับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทาง
แต่โดยทั่วไปควรรับประทานอาหารเสริมสุขภาพและได้สมดุล
แต่ก็ไม่ควรรับประทานยาเม็ดธาตุเหล็ก หรืออาหารเสริมชนิดอื่น ๆ
โดยไม่ปรึกษาแพทย์ การได้รับธาตุเหล็กมากเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อตับ หัวใจ
และอวัยวะอื่น ๆ
นอก
จากนี้ คุณอาจเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กได้เช่นกัน
โดยเลือกจากแหล่งอาหารของธาตุเหล็กอยู่ในอาหารหลัก 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
ธาตุเหล็กชนิดที่อยู่ในเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ และอาหารทะเล อาหารกลุ่มนี้จะมีธาตุเหล็กสูง และดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ดีที่สุด
จะสังเกตได้จากเนื้อที่มีสีแดงยิ่งเข้มขึ้นแสดงว่ามีธาตุเหล็กสูง
เมื่อรับประทานร่วมกับอาหารที่มิวิตามินซีสูง เช่น บรอคโคลี พริก มะเขือเทศ
ฝรั่ง ส้ม จะยิ่งช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กได้มากขึ้น
ธาตุเหล็กชนิดที่มีอยู่ในไข่และพืช ผักใบเขียวต่าง ๆ รวมไปถึงถั่วเมล็ดแห้ง อาหารพวกนี้มีธาตุเหล็กสูง แต่ธาตุเหล็กในกลุ่มนี้จะดูดซึมเข้าร่างกายได้ไม่ดีนัก จึงควรรับประทานร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูงในมื้อเดียวกัน เพื่อช่วยในการดูดซึม
ที่มา www.kapook.com