SELECT autopage4_data_topic.IdTopic , autopage4_page_topic.DataDetail , autopage4_page_topic.TitleDetail FROM autopage4_page_topic INNER JOIN autopage4_data_topic ON autopage4_data_topic.IdTopic = autopage4_page_topic.IdTopic AND autopage4_data_topic.IdTopic = 1222
กรมอนามัย เผยเด็กทั้งประเทศเสี่ยงฟันผุ 1.2 ล้านซี่ วอนพ่อแม่อย่าตุนขนม น้ำอัดลม ช่วงปิดเทอม (กรมอนามัย)
สธ. เผยเด็กไทยต้องรักษาฟันถึง 1.2 ล้านซี่ หรือเฉลี่ย 1.5 ซี่ต่อคน เหตุจากชอบกินขนมกรุบกรอบ น้ำอัดลม แถมยังแปรงฟันไม่ทั่วถึงและถูกวิธี วอนพ่อแม่ ผู้ปกครองคุมเข้ม เลือกอาหารที่มีประโยชน์ และดุแลสุขภาพช่องปากเด็กอย่างเหมาะสม
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2557 ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากข้อมูลระบบเฝ้าระวังทันตสุขภาพ ปี 2556 พบว่า เด็กประถมศึกษาปีที่ 6 ร้อยละ 51.2 เคยมีฟันผุ โดยมีรอยโรคฟันผุในช่องปากประมาณ 1.5 ซี่ต่อคน ทำให้มีเด็กไทยทั่วประเทศมีฟันที่ต้องได้รับการดูแลรักษามากถึง 1.2 ล้านซี่
สาเหตุของการเกิดโรคฟันผุส่วนใหญ่คือ การชอบกินขนมกรุบกรอบ น้ำอัดลม ลูกอม ขนมหวาน รวมทั้งมีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากที่ไม่เหมาะสม อาจจะเลยการแปรงฟันหรือแปรงฟันไม่ทั่วถึงทุกซี่และไม่ถูกวิธีโดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมที่เด็กใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บ้าน พ่อแม่ผู้ปกครองต้องดูแลเอาใจใส่พฤติกรรมการบริโภคของบุตรหลานเป็นพิเศษ โดยไม่กักตุนน้ำอัดลม ลูกอม และขนมกรุบกรอบที่ไม่มีประโยชน์ไว้ในบ้าน เพื่อเป็นการสร้างค่านิยมและตัวอย่างที่ดีในการเลือกบริโภคอาหารอย่างฉลาด
ดร.นพ.พรเทพ กล่าวต่อไปว่า เครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำสมุนไพร ส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำตาลกับน้ำเป็นหลัก โดย...
น้ำอัดลม 1 กระป๋อง (ขนาด 325 มล.) มีปริมาณน้ำตาล 8-12 ช้อนชา
เครื่องดื่มสมุนไพร 1 ขวด (380 มล.) มีปริมาณน้ำตาล10 ช้อนชา เทียบเท่ากับน้ำตาลในลูกอม จำนวน 17 เม็ด
เยลลี่ 1 ถ้วยเล็กมีปริมาณน้ำตาล 26 กรัม
หากดื่มรวมกันหลายอย่างอาจทำให้เด็กได้รับน้ำตาลมากเกินความต้องการของร่างกาย และ เกินมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนด โดย ร่างกายควรได้รับน้ำตาลไม่เกิน 24 กรัมต่อวัน หรือประมาณ 6 ช้อนชา หากร่างกายได้รับน้ำตาลปริมาณมากเกินมาตรฐานจะทำให้เกิดภาวะอ้วนตามมา
"ทั้งนี้ กรมอนามัยได้ร่วมกับสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดนโยบายโรงเรียนปลอดน้ำ อัดลม โดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการงดจำหน่ายน้ำอัดลมในโรงเรียนประถมศึกษาทุก สังกัด แต่ในช่วงปิดภาคเรียน เด็กไม่ได้อยู่ในความควบคุมของโรงเรียน ทำให้เข้าถึงขนมหวาน ขนมกรุบกรอบ ลูกอม และน้ำอัดลมได้ง่าย"
"พ่อแม่ผู้ปกครองจึงควรสอนให้เด็กรู้จักเลือกอาหารว่างและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ เช่น ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช และน้ำผลไม้ หรือฝึกให้เด็กดื่มน้ำเปล่าหรือ น้ำผลไม้สดแช่เย็น โดยไม่เติมน้ำตาลเตรียมไว้ในปริมาณที่พอเหมาะ วันละไม่เกิน 2 แก้ว หรือ 500 ซีซี จะช่วยดับกระหายได้ดีเวลาอากาศร้อน෴ ดร.นพ.พรเทพ กล่าว
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในตอนท้ายว่า นอกจากคุมเข้มเรื่องการบริโภคอาหารของเด็กแล้ว ผู้ปกครองควรส่งเสริมให้เด็กดูแลทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธี ด้วยการแปรงฟันตามสูตร 2 : 2 : 2 ของกรมอนามัย คือ แปรงฟันนานครั้งละ 2 นาที อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน งดกินขนมหวานและน้ำอัดลมหลังแปรงฟันนาน 2 ชั่วโมงเพื่อให้ปากสะอาดในช่วงเวลาหนึ่ง และช่วยป้องกันฟันผุ
ที่มา www.kapook.com
เด็กไทยฟันผุเพียบ วอนพ่อแม่อย่าตุนขนม น้ำอัดลม ช่วงปิดเทอม
กรมอนามัย เผยเด็กทั้งประเทศเสี่ยงฟันผุ 1.2 ล้านซี่ วอนพ่อแม่อย่าตุนขนม น้ำอัดลม ช่วงปิดเทอม (กรมอนามัย)
สธ. เผยเด็กไทยต้องรักษาฟันถึง 1.2 ล้านซี่ หรือเฉลี่ย 1.5 ซี่ต่อคน เหตุจากชอบกินขนมกรุบกรอบ น้ำอัดลม แถมยังแปรงฟันไม่ทั่วถึงและถูกวิธี วอนพ่อแม่ ผู้ปกครองคุมเข้ม เลือกอาหารที่มีประโยชน์ และดุแลสุขภาพช่องปากเด็กอย่างเหมาะสม
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2557 ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากข้อมูลระบบเฝ้าระวังทันตสุขภาพ ปี 2556 พบว่า เด็กประถมศึกษาปีที่ 6 ร้อยละ 51.2 เคยมีฟันผุ โดยมีรอยโรคฟันผุในช่องปากประมาณ 1.5 ซี่ต่อคน ทำให้มีเด็กไทยทั่วประเทศมีฟันที่ต้องได้รับการดูแลรักษามากถึง 1.2 ล้านซี่
สาเหตุของการเกิดโรคฟันผุส่วนใหญ่คือ การชอบกินขนมกรุบกรอบ น้ำอัดลม ลูกอม ขนมหวาน รวมทั้งมีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากที่ไม่เหมาะสม อาจจะเลยการแปรงฟันหรือแปรงฟันไม่ทั่วถึงทุกซี่และไม่ถูกวิธีโดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมที่เด็กใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บ้าน พ่อแม่ผู้ปกครองต้องดูแลเอาใจใส่พฤติกรรมการบริโภคของบุตรหลานเป็นพิเศษ โดยไม่กักตุนน้ำอัดลม ลูกอม และขนมกรุบกรอบที่ไม่มีประโยชน์ไว้ในบ้าน เพื่อเป็นการสร้างค่านิยมและตัวอย่างที่ดีในการเลือกบริโภคอาหารอย่างฉลาด
ดร.นพ.พรเทพ กล่าวต่อไปว่า เครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำสมุนไพร ส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำตาลกับน้ำเป็นหลัก โดย...
น้ำอัดลม 1 กระป๋อง (ขนาด 325 มล.) มีปริมาณน้ำตาล 8-12 ช้อนชา
เครื่องดื่มสมุนไพร 1 ขวด (380 มล.) มีปริมาณน้ำตาล10 ช้อนชา เทียบเท่ากับน้ำตาลในลูกอม จำนวน 17 เม็ด
เยลลี่ 1 ถ้วยเล็กมีปริมาณน้ำตาล 26 กรัม
หากดื่มรวมกันหลายอย่างอาจทำให้เด็กได้รับน้ำตาลมากเกินความต้องการของร่างกาย และ เกินมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนด โดย ร่างกายควรได้รับน้ำตาลไม่เกิน 24 กรัมต่อวัน หรือประมาณ 6 ช้อนชา หากร่างกายได้รับน้ำตาลปริมาณมากเกินมาตรฐานจะทำให้เกิดภาวะอ้วนตามมา
"ทั้งนี้ กรมอนามัยได้ร่วมกับสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดนโยบายโรงเรียนปลอดน้ำ อัดลม โดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการงดจำหน่ายน้ำอัดลมในโรงเรียนประถมศึกษาทุก สังกัด แต่ในช่วงปิดภาคเรียน เด็กไม่ได้อยู่ในความควบคุมของโรงเรียน ทำให้เข้าถึงขนมหวาน ขนมกรุบกรอบ ลูกอม และน้ำอัดลมได้ง่าย"
"พ่อแม่ผู้ปกครองจึงควรสอนให้เด็กรู้จักเลือกอาหารว่างและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ เช่น ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช และน้ำผลไม้ หรือฝึกให้เด็กดื่มน้ำเปล่าหรือ น้ำผลไม้สดแช่เย็น โดยไม่เติมน้ำตาลเตรียมไว้ในปริมาณที่พอเหมาะ วันละไม่เกิน 2 แก้ว หรือ 500 ซีซี จะช่วยดับกระหายได้ดีเวลาอากาศร้อน෴ ดร.นพ.พรเทพ กล่าว
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในตอนท้ายว่า นอกจากคุมเข้มเรื่องการบริโภคอาหารของเด็กแล้ว ผู้ปกครองควรส่งเสริมให้เด็กดูแลทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธี ด้วยการแปรงฟันตามสูตร 2 : 2 : 2 ของกรมอนามัย คือ แปรงฟันนานครั้งละ 2 นาที อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน งดกินขนมหวานและน้ำอัดลมหลังแปรงฟันนาน 2 ชั่วโมงเพื่อให้ปากสะอาดในช่วงเวลาหนึ่ง และช่วยป้องกันฟันผุ
ที่มา www.kapook.com