SELECT autopage4_data_topic.IdTopic , autopage4_page_topic.DataDetail , autopage4_page_topic.TitleDetail FROM autopage4_page_topic INNER JOIN autopage4_data_topic ON autopage4_data_topic.IdTopic = autopage4_page_topic.IdTopic AND autopage4_data_topic.IdTopic = 1267
ในปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสุขภาพต่างรณรงค์ให้เห็นความสำคัญของ การออกกำลังกาย และมีรูปร่างที่ดีมากขึ้น ส่วนบุคคลธรรมดาก็หันมาให้ความสำคัญในการรักษาหุ่นมากขึ้น เห็นได้จากจำนวนสมาชิกที่สมัครเข้าฟิตเนสที่เยอะขึ้น ทั้งหมดนี้ก็เพื่อรักษารูปร่างไม่ให้อ้วนย้วยน่าเกลียด ที่นอกจากจะเสียทั้งบุคลิกภาพแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนด้วย แต่อย่างไรก็ดี เราอาจมัวแต่ระมัดระวังกับการเป็นโรคอ้วนมากเกินไป จนไม่ทันได้ใส่ใจว่า "โรคผอม" ก็เป็นโรคที่อันตรายเหมือนกัน จากการวิจัยพบว่า ผู้ที่เป็นโรคผอมมีสิทธิ์เสียชีวิตมากกว่าเป็นโรคอ้วนเกินกว่าหนึ่งเท่าตัว
ผลงานวิจัยจากดอกเตอร์โจเอล เรย์ จากโรงพยาบาลเซนต์ไมเคิล ที่โตรอนโต ประเทศแคนาดา ที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสาร Journal of Epidemiology and Public Health เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2557 ที่ได้จากการศึกษาผลการวิจัยเกี่ยวกับผู้ป่วยมีที่ภาวะโรคอ้วน และโรคผอม 51 ชิ้น พบว่า ผู้ที่ผอมจัดมีโอกาสเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเร็วกว่าผู้ที่มี เป็นโรคอ้วนระดับปกติ 1.2 เท่า และเป็น 1.3 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ป่วยโรคอ้วนระดับรุนแรง จะเห็นได้ว่าการเป็นโรคผอมนั้นมีสิทธิ์เสียชีวิตมากกว่าโรคอ้วนอยู่กว่าเท่า ตัว และเมื่อเทียบกับคนที่มีน้ำหนักปกติ ผู้ป่วยโรคผอมยังเสี่ยงเสียชีวิตเร็วกว่าอยู่ถึง 1.8 เท่า
ผู้ที่ป่วยด้วยโรคอ้วน เผชิญความเสี่ยงในการเป็นโรคแทรกซ้อนอย่างเบาหวาน โรคเกี่ยวกับระบบหลอดเลือดหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และอาการเส้นเลือดในสมองแตก ในขณะที่ผู้ที่ผอมจัดก็มีความเสี่ยงสูงที่ต้องเผชิญกับ โรคปอด โรคเกี่ยวกับระบบหลอดเลือดหัวใจ การล้มหรือได้รับบาดเจ็บเนื่องจากมวลกล้ามเนื้อน้อย รวมทั้งมีโอกาสฆ่าตัวตายจากความปรวนแปรด้านจิตใจด้วย
การศึกษาอีกชิ้นหนึ่งจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ทำการสำรวจในปี 2552 พบว่า 2% ของประชากรที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป มีน้ำหนักตัวต่ำว่ามาตรฐาน โดยส่วนใหญ่สาเหตุมักมาจากภาวะทุพโภชนาการ ติดยาหรือแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ความยากจน รวมทั้งเจ็บป่วยทางจิต
ดอกเตอร์โจเอล กล่าวว่า กระแสสังคมปัจจุบัน รวมท้้งผู้คนทั่วไป ต่างให้ความสนใจกับเรื่องโรคอ้วน และใส่ใจกับการป้องกันแก้ไขปัญหานี้ ในขณะที่โรคผอมกลับถูกมองข้าม ทั้งที่มันมีโอกาสทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าโรคอ้วนเสียอีก
ทั้งนี้ หากวัดความอ้วนผอมกันจากดัชนีมวลกาย หรือ BMI ผู้ใหญ่ทั้งชายและหญิงที่มีค่าดัชนีระหว่าง 18.5-24.9 ถือว่ามีน้ำหนักตัวปกติ, 25.0-29.9 อยู่ในภาวะน้ำหนักตัวเกิน, มากว่า 30 ขึ้นไปจัดว่าเป็นโรคอ้วน ส่วนผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกายต่ำกว่า 18.5 ถือว่าน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ และหากใครต่ำกว่า 16 ถือว่าผอมแห้งอย่างรุนแรง
ทีมา www.kapook.com
วิจัยชี้ ป่วยโรคผอมเสี่ยงตายกว่าโรคอ้วนเป็นเท่าตัว !
ในปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสุขภาพต่างรณรงค์ให้เห็นความสำคัญของ การออกกำลังกาย และมีรูปร่างที่ดีมากขึ้น ส่วนบุคคลธรรมดาก็หันมาให้ความสำคัญในการรักษาหุ่นมากขึ้น เห็นได้จากจำนวนสมาชิกที่สมัครเข้าฟิตเนสที่เยอะขึ้น ทั้งหมดนี้ก็เพื่อรักษารูปร่างไม่ให้อ้วนย้วยน่าเกลียด ที่นอกจากจะเสียทั้งบุคลิกภาพแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนด้วย แต่อย่างไรก็ดี เราอาจมัวแต่ระมัดระวังกับการเป็นโรคอ้วนมากเกินไป จนไม่ทันได้ใส่ใจว่า "โรคผอม" ก็เป็นโรคที่อันตรายเหมือนกัน จากการวิจัยพบว่า ผู้ที่เป็นโรคผอมมีสิทธิ์เสียชีวิตมากกว่าเป็นโรคอ้วนเกินกว่าหนึ่งเท่าตัว
ผลงานวิจัยจากดอกเตอร์โจเอล เรย์ จากโรงพยาบาลเซนต์ไมเคิล ที่โตรอนโต ประเทศแคนาดา ที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสาร Journal of Epidemiology and Public Health เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2557 ที่ได้จากการศึกษาผลการวิจัยเกี่ยวกับผู้ป่วยมีที่ภาวะโรคอ้วน และโรคผอม 51 ชิ้น พบว่า ผู้ที่ผอมจัดมีโอกาสเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเร็วกว่าผู้ที่มี เป็นโรคอ้วนระดับปกติ 1.2 เท่า และเป็น 1.3 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ป่วยโรคอ้วนระดับรุนแรง จะเห็นได้ว่าการเป็นโรคผอมนั้นมีสิทธิ์เสียชีวิตมากกว่าโรคอ้วนอยู่กว่าเท่า ตัว และเมื่อเทียบกับคนที่มีน้ำหนักปกติ ผู้ป่วยโรคผอมยังเสี่ยงเสียชีวิตเร็วกว่าอยู่ถึง 1.8 เท่า
ผู้ที่ป่วยด้วยโรคอ้วน เผชิญความเสี่ยงในการเป็นโรคแทรกซ้อนอย่างเบาหวาน โรคเกี่ยวกับระบบหลอดเลือดหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และอาการเส้นเลือดในสมองแตก ในขณะที่ผู้ที่ผอมจัดก็มีความเสี่ยงสูงที่ต้องเผชิญกับ โรคปอด โรคเกี่ยวกับระบบหลอดเลือดหัวใจ การล้มหรือได้รับบาดเจ็บเนื่องจากมวลกล้ามเนื้อน้อย รวมทั้งมีโอกาสฆ่าตัวตายจากความปรวนแปรด้านจิตใจด้วย
การศึกษาอีกชิ้นหนึ่งจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ทำการสำรวจในปี 2552 พบว่า 2% ของประชากรที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป มีน้ำหนักตัวต่ำว่ามาตรฐาน โดยส่วนใหญ่สาเหตุมักมาจากภาวะทุพโภชนาการ ติดยาหรือแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ความยากจน รวมทั้งเจ็บป่วยทางจิต
ดอกเตอร์โจเอล กล่าวว่า กระแสสังคมปัจจุบัน รวมท้้งผู้คนทั่วไป ต่างให้ความสนใจกับเรื่องโรคอ้วน และใส่ใจกับการป้องกันแก้ไขปัญหานี้ ในขณะที่โรคผอมกลับถูกมองข้าม ทั้งที่มันมีโอกาสทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าโรคอ้วนเสียอีก
ทั้งนี้ หากวัดความอ้วนผอมกันจากดัชนีมวลกาย หรือ BMI ผู้ใหญ่ทั้งชายและหญิงที่มีค่าดัชนีระหว่าง 18.5-24.9 ถือว่ามีน้ำหนักตัวปกติ, 25.0-29.9 อยู่ในภาวะน้ำหนักตัวเกิน, มากว่า 30 ขึ้นไปจัดว่าเป็นโรคอ้วน ส่วนผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกายต่ำกว่า 18.5 ถือว่าน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ และหากใครต่ำกว่า 16 ถือว่าผอมแห้งอย่างรุนแรง
ทีมา www.kapook.com