นอนไม่หลับหรือไม่ยอมนอน
นอนหลับยาก หลับไม่ลึก ตื่นเร็วแล้วนอนต่อไม่ได้ ตื่นตอนเช้าแล้วไม่สดชื่น เหล่านี้คือสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังมีปัญหาเรื่องการนอน
สมชายวัย 35 ปีตื่นขึ้นมากลางดึกสามคืนติดกันแล้วนอนต่อไม่ได้ พยายามนับแกะตามความเชื่อเท่าไหร่ก็นอนไม่หลับ หยิบโทรศัพท์มาเปิดเฟชบุ๊คหวังจะติดตามฟีดข่าวจากเพื่อนๆให้เพลินจนหลับก็ยิ่งทำให้ร่างกายตื่นและไม่ง่วง แต่กลับง่วงในเวลากลางวัน สุดท้ายเลือกซื้อยานอนหลับกินเอง นอนหลับได้อยู่สองสามวัน เมื่อหยุดยาก็มีอาการตื่นกลางดึกอีกจนต้องพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ
นพ.สุรชัย เกื้อศิริกุล ผู้อำนวยการคลินิกปัญหาการนอน โรงพยาบาลมนารมย์ บอกว่า ทุกวันนี้พบคนที่มีอาการอย่างสมชายได้บ่อยขึ้นหรือประมาณ 30% ของประชากรโลก ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยเฉพาะคนที่มีอายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไป ซึ่งช่วงของการนอนหลับจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
ෳอายุที่เพิ่มขึ้นมีผลทำให้ช่วงเวลาการนอนหลับลึกของผู้ใหญ่ลดลง และนอนได้น้อยกว่าเด็กหรือวัยรุ่น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้หากเป็นระยะสั้นไม่ถึงเดือน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุจากโรคภัยไข้เจ็บ ภาวะความเครียด หรือเพราะสภาพแวดล้อม เดี๋ยวก็จะหายได้เองในที่สุด แต่หากคนไหนมีอาการนานนับเดือนนั่นล่ะสัญญาณเตือนว่าต้องพบแพทย์อย่างจริงจังแล้ว෴แพทย์จากคลินิกปัญหาการนอนกล่าว
คนที่มีปัญหาเรื่องการนอนแบ่งเป็น 2 กลุ่มได้แก่ คนที่มีโอกาสนอนแต่นอนไม่หลับ ซึ่งการนับแกะแบบที่สมชายทำนั้นไม่ได้ช่วย เพราะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายจดจ่อ หรือเกิดความเครียดจากการนับจำนวนซึ่งความเป็นจริงนับได้สัก 30-40 ตัวก็เริ่มคิดแล้วว่าถูกไหม ข้ามเลขไหม หรือนับครบหรือเปล่า ซึ่งสุดท้ายก็กลายเป็นนอนไม่หลับไปเลย
ส่วนอีกกลุ่มเป็นคนที่มีโอกาสนอนแต่กลับไม่นอน อาการแบบนี้พบได้มากในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานที่ถึงเวลาพักผ่อนแต่ไม่ยอมพัก ฝืนร่างกายให้อยู่ต่อด้วยการเล่นอินเทอร์เน็ต ดูหนัง ฟังเพลง จนดึกดื่น และนอนไม่พอกับที่ร่างกายต้องการ เช้ามาก็ไม่อยากตื่นนอน ตื่นมาก็ไม่สดชื่น ขาดความกระปรี้กระเปร่าในการใช้ชีวิตช่วงกลางวัน ซึ่งถ้าร่างกายได้รับการพักผ่อนต่ำกว่า 5 ชั่วโมงต่อวันต่อเนื่องสะสมนานๆเข้าจะเพิ่มความเสี่ยงให้เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
ทุกวันนี้ปัญหาการนอนไม่หลับในคนที่อายุน้อยก็พบได้มากขึ้นไม่แพ้ในคนสูงวัย เพราะพฤติกรรมไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนเล่นแต่อินเทอร์เน็ต พอเช้าก็ไม่อยากตื่น ถึงเวลาเรียนก็นั่งหลับ และวัยรุ่นอีกกลุ่มที่จะนอนอย่างเดียววันละ 8-10 ชั่วโมง ซึ่งเช้ามาก็ไม่อยากตื่นไปโรงเรียนเช่นกันเพราะมีอาการขี้เซา
ෳการนอนหลับที่มีประสิทธิภาพ ร่างกายควรได้รับการพักผ่อนเฉลี่ยแล้วประมาณ 7-8 ชั่วโมง สังเกตง่ายๆ ตื่นมาแล้วสดชื่น ตลอดวันไม่มีง่วง มีสมาธิในการทำงาน คิดอะไรก็สมองปลอดโปร่ง สดชื่นแจ่มใส และเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ร่วมกับการออกกำลังกายให้เหมาะสม ก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสมองและร่างกายให้ทำงานได้เต็มที่෴แพทย์จากคลินิกปัญหาการนอนกล่าว
คนที่มีปัญหาเรื่องการนอนเรื้อรังเป็นเดือนๆแล้วปล่อยทิ้งไว้ ไม่รับการรักษา เสี่ยงที่จะเจ็บป่วยได้สารพัดโรค ทั้งเบาหวาน ความดัน โรคหวัด ภูมิแพ้ รวมถึงอ้วนลงพุง เพราะระบบเผาผลาญพลังงานของร่างกายจะทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ
การแก้ปัญหาด้วยการกินยานอนหลับ แพทย์จากคลินิกปัญหาการนอน บอกว่า ไม่แนะนำให้ไปซื้อยาตามร้านกินเอง และเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาระยะสั้นเท่านั้น เพราะระยะยาวจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ เพราะเมื่อกินยานอนหลับต่อเนื่องนานๆ สุดท้ายก็จะต้องเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดอาการทางประสาทที่เป็นผลข้างเคียงจากยาตามมาก็ได้
ෳการรักษาอาการนอนไม่หลับ ควรหาสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับให้เจอ จากนั้นแก้ที่ต้นเหตุ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน เช่น การสวดมนต์ ทำสมาธิก่อนนอน ดับไฟรวมถึงปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกอย่างที่ให้แสงสว่าง เพราะร่างกายจะนอนหลับได้เองอัตโนมัติเมื่ออยู่ในสภาพที่มืดและเงียบ෴ ผู้อำนวยการคลินิกปัญหาการนอน โรงพยาบาลมนารมย์ กล่าว