SELECT autopage4_data_topic.IdTopic , autopage4_page_topic.DataDetail , autopage4_page_topic.TitleDetail FROM autopage4_page_topic INNER JOIN autopage4_data_topic ON autopage4_data_topic.IdTopic = autopage4_page_topic.IdTopic AND autopage4_data_topic.IdTopic = 1414

สร้างความภาคภูมิใจในตนเองให้แก่ลูกรัก



สร้างความภาคภูมิใจในตนเองให้แก่ลูกรัก

















ความภาคภูมิใจในตนเอง (Self-Esteem) คือ ความรู้สึกที่เรามีต่อตนเองในทางที่ดี มีความเคารพและตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของตนเอง การศึกษาทางจิตวิทยา พบว่า ความภาคภูมิใจในตนเองเป็นองค์ประกอบสำคัญทางจิตใจที่นำไปสู่ความเชื่อมั่นใน ตนเอง มองคนรอบข้างในแง่ดี รู้จักแสวงหาโอกาส กล้าคิด กล้าทำและใช้ความสามารถที่มีอยู่กระทำสิ่งต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย

 

ความภาคภูมิใจในตนเองเป็นอีกหนึ่งคุณลักษณะของมนุษย์ที่ถูกสร้างนับตั้งแต่ถือ กำเนิดขึ้นมา และมีการพัฒนาต่อเนื่องในทุกย่างก้าวของชีวิตโดยเฉพาะในวัยเด็ก ทั้งนี้ บุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการเพาะบ่มความภาคภูมิใจในตนเองแก่หนูน้อยก็ คือคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง
พ่อแม่สามารถปลูกฝังให้ลูกรักมีความภาคภูมิใจในตนเองได้ ดังนี้
1. แสดงความรัก 
อ้อมกอดอบอุ่นของพ่อแม่ที่ช่วยให้ ทารกน้อยรู้สึกมั่นคงปลอดภัยเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง ให้เกิดขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆ ของลูก อ้อมกอดนั้นเป็นสื่อแสดงถึงการยอมรับและการคุ้มครองปกป้องลูกน้อยที่พ่อแม่ หวงแหน นอกจากนี้ การสัมผัส กอด คลอเคลียใกล้ชิดและการหอม จะทำให้ลูกรู้สึกถึงความรักความผูกพันที่พ่อแม่มีต่อตนเอง ลูกน้อยจึงสามารถเริ่มเรียนรู้ถึงคุณค่าที่น่าภาคภูมิของตนได้อย่างมีความ สุข
2. ยอมรับในลักษณะและตัวตนของลูก เนื่องจากเด็กแต่ละคนจะมีลักษณะเฉพาะตัวที่ มีคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นสีผิว เส้นผมหน้าตา รูปร่าง พื้นฐานอารมณ์ หรือแม้แต่ข้อจำกัดและโรคประจำตัวที่เป็น การยอมรับสิ่งเหล่านี้จากพ่อแม่เป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับเด็กในการยอมรับความ เป็นตนเอง มองเห็นตนเองในทางบวกและไม่เก็บเอาข้อจำกัดมาเป็นปมด้อยบั่นทอนความภาคภูมิ ใจหรือความพยายามในการพัฒนาตน
3. สังเกตและใส่ใจความสามารถหรือความถนัดของลูก พ่อ แม่ควรสังเกตว่าลูกมีความสามารถและความชอบในเรื่องใดเป็นพิเศษ เช่น ชอบเล่นกีฬา ชอบร้องรำทำเพลง ชอบวาดรูประบายสี ชอบคิดเลข ชอบอ่านหนังสือ ฯลฯ พ่อแม่ที่สังเกตและรู้จักลูกจะยอมรับและชื่นชมส่งเสริมความถนัดของลูกได้ดี ซึ่งนอกจากจะเป็นการพัฒนาความสามารถของลูกโดยตรงแล้ว ยังช่วยพัฒนาความภาคภูมิใจในตนเองของลูกรักอีกด้วย
4. รับฟัง การรับ ฟังและแสดงความสนใจในทุกๆ เรื่องที่ลูกเล่าให้ฟังนั้นเป็นโอกาสของการสื่อสารทั้งภาษาพูดและภาษากายใน ครอบครัว ท่าทีความใส่ใจจากพ่อแม่จะเป็นกำลังใจให้เด็กอยากคิด อยากถ่ายทอดเรื่องราว ซึ่งเป็นอีกส่วนสำคัญของการพัฒนาตนเองให้กล้าแสดงความคิดเห็นและภูมิใจใน ความเป็นตัวเอง ดังนั้น พ่อแม่ควรรับฟังและสนใจสิ่งที่ลูกพูด มีการชวนพูดคุยหรือการถามเพิ่มเติม และอย่าเบื่อหน่ายต่อการซักถามของลูก
5. ฝึกให้ช่วยเหลือตนเอง ใน ระยะยาวเด็กๆ จะมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งเมื่อตระหนักถึงคุณค่าและความสามารถของตนในการ ดูแลรับผิดชอบตัวเองได้ดีในวัยที่เหมาะสม การไม่ต้องอยู่ในภาวะพึ่งพิงความช่วยเหลือจากผู้อื่นทำให้เด็กมั่นใจในความ สามารถและคุณค่าของตนยิ่งขึ้น พ่อแม่จึงควรฝึกให้ลูกเริ่มเรียนรู้การช่วยเหลือตนเองตั้งแต่ยังเล็ก เช่น ฝึกให้เด็กทานข้าวเอง แต่งตัวอาบน้ำเอง เก็บของเข้าที่จนถึงการตื่นและเข้านอนเอง ทำการบ้านเอง ดูแลการเรียนและการสอบได้เอง ฯลฯ ความสำเร็จพื้นฐานเหล่านี้ในวัยเด็กจะเป็นรากฐานให้หนูน้อยรู้สึกถึงความรับ ผิดชอบต่อตนเองและมีความคิดทางบวกว่าตนเองสามารถบริหารจัดการกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตได้อย่างมั่นใจ
6. เปิดโอกาสให้ลูกเลือกตัวเลือกเอง พ่อ แม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกมีอิสระในการเลือกตัวเลือกต่างๆ ในชีวิตตามความเหมาะสมของวัย โดยเริ่มตั้งแต่วัยก่อนสองขวบ เช่น เริ่มจากการให้ลูกน้อยเลือกเสื้อผ้าใส่ด้วยตัวเอง หรือเลือกหยิบหนังสือนิทานที่อยากอ่าน เลือกวิธีเก็บของเล่นหรือเครื่องใช้ ฯลฯ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเลือกแนวทางการเรียนหรือใช้ชีวิตเมื่อเติบโตขึ้น การที่พ่อแม่อยู่เคียงข้างและเป็นผู้สนับสนุนการฝึกตัดสินใจของลูก จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ทักษะการเลือกได้ดี เป็นการส่งเสริมให้ลูกเป็นคนกล้าตัดสินใจและมีความมั่นคงในตนเอง
7. เปิดโอกาสให้ลูกได้แสดงออก พ่อ แม่ควรส่งเสริมให้ลูกแสดงความสามารถ โดยเริ่มจากแวดวงเล็กๆ ในครอบครัว และขยายโอกาสขึ้นเป็นการรู้จักแสดงออกอย่างเหมาะสมในที่ชุมชน เช่น ชักชวนให้ลูกน้อยสนุกสนานกับการร้องเพลง เต้นรำที่บ้าน และเรียนรู้การแสดงออกในเวทีกิจกรรมต่างๆ ตามวัย เช่น การพูดคุย การแข่งขันกีฬาหรือมีกิจกรรมบันเทิงในงานเลี้ยงเล็กๆ น้อยๆ ที่บ้านซึ่งจะถูกพัฒนาต่อเนื่องเป็นการแสดงความสามารถต่างๆ ในเวทีของโรงเรียนหรือชุมชนที่กว้างขวางขึ้นในอนาคตต่อไป  การฝึกให้ลูกมีประสบการณ์เช่นนี้จะช่วยสร้างความคุ้นเคยและเพิ่มความมั่นใจ ต่อความกล้าคิดกล้าทำและกล้าแสดงออกที่น่าภาคภูมิและเป็นประโยชน์ต่อไป
8. เพิ่มพูนประสบการณ์ดีๆ ที่แปลกใหม่ พ่อ แม่ควรฝึกให้ลูกทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่น ให้ลูกลองเล่นเครื่องดนตรีหรือกีฬาที่ไม่เคยเล่นมาก่อน หรือพาลูกไปเข้าค่ายศิลปะหรือค่ายภาษาอังกฤษช่วงปิดเทอม พาลูกไปต่างจังหวัดหรือมีกิจกรรมนอกสถานที่ที่คุ้นเคยเป็นครั้งคราว การที่ลูกได้ทำกิจกรรมใหม่ๆ และเห็นโลกที่กว้างขวางจะช่วยเปิดแนวคิดและพัฒนาความภาคภูมิใจในตนเองให้แก่ เด็กได้อย่างยิ่ง
9. ชมเชยและให้กำลังใจ หัวใจ สำคัญที่สุดของการสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง คือ การที่เด็กได้รับการปลูกฝังวินัยทางบวก นั่นคือ การได้รับคำชมเชยหรือกำลังใจเมื่อลูกทำสิ่งต่างๆ สำเร็จด้วยตนเอง โดยสามารถเริ่มต้นได้สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น ใส่รองเท้าเอง ติดกระดุมเสื้อเอง แม้ว่าในระยะแรกๆ ลูกอาจจะทำผิดพลาดไปบ้าง ท่าทีอ่อนโยนและสนับสนุนให้ลูกพยายามต่อเนื่องจนได้รับการชื่นชมจะทำให้ลูก ค้นพบความสามารถและคุณค่าของตนจนเกิดเป็นความภาคภูมิใจในตนเองว่า ความพยายามในการเรียนรู้เป็นสิ่งที่ดีและควรกระทำ ทั้งนี้ ในเด็กเล็ก อาจมีการให้รางวัลร่วมกับการชมเชยเป็นครั้งคราวได้ โดยการให้รางวัลนั้น ไม่ควรเป็นสิ่งของราคาแพง และต้องระมัดระวังไม่ให้พร่ำเพรื่อจนกลายเป็นการส่งเสริมให้เด็กนิยมวัตถุ นอกจากนี้ ยังต้องไม่ใช้รางวัลเป็นเงื่อนไขหลอกล่อให้เด็กมีพฤติกรรมที่พ่อแม่ต้องการ หรืออยู่ในรูปแบบของการให้สินบน
10. อย่าเปรียบเทียบ พ่อ แม่ต้องระวังที่จะไม่เปรียบเทียบลูกกับคนอื่น โดยเฉพาะกับพี่น้องด้วยกัน เช่น การเปรียบเทียบ เพราะนอกจากจะบ่มความอิจฉา น้อยเนื้อต่ำใจให้เกิดขึ้นแก่ลูกแล้ว ยังเป็นการทำลายความมั่นใจและคุณค่าในตนเองแก่ลูกโดยตรงอีกด้วย

 

ความภาคภูมิใจในตนเองเป็นต้นทุนความก้าวหน้าและความสุขของชีวิตที่สามารถ พัฒนาได้ตั้งแต่เด็ก โดยพ่อแม่และผู้ใกล้ชิดของเด็กนั่นเอง ขอเพียงพ่อแม่มีความรัก ความใส่ใจและมีความสุขกับการติดตามย่างก้าวเล็กๆ ตามพัฒนาการของวัยเด็กด้วยความเข้าใจ ลูกรักจะเติบโตสู่ความมั่นคงในชีวิตที่พรั่งพร้อมด้วยความเก่ง ความดีและความสุขอย่างแน่นอน 

 

 

 

เขียนโดย: พญ. อัมพร เบญจพลพิทักษ์ (ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต)

ที่มา http://portal.aia.co.th