SELECT autopage4_data_topic.IdTopic , autopage4_page_topic.DataDetail , autopage4_page_topic.TitleDetail FROM autopage4_page_topic INNER JOIN autopage4_data_topic ON autopage4_data_topic.IdTopic = autopage4_page_topic.IdTopic AND autopage4_data_topic.IdTopic = 1424

สำคัญกว่า พ่อแม่แยกทางกัน




Q. เราแยกทางกัน ตอนนี้ลูกยังไม่ถึงขวบครับ ผมอยากเตรียมตัวไว้ก่อน ลูกต้องถามแน่ เขาจะถามตอนอายุสักเท่าไหร่ครับ และควรจะพูดอย่างไร บอกตรงๆ ได้ไหม

ก่อนจะตอบคำถาม ผมชวนให้คิดถึงคำถามที่สำคัญกว่า คือเราเลี้ยงลูกไปเพื่ออะไร
เวลา เรางงหรือสับสนว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไรกับปัญหาการเลี้ยงลูกที่เกิดขึ้น ให้ถอยออกมาดูภาพใหญ่เสมอ ถามตนเองถึงเป้าหมายที่ใหญ่กว่า นั่นคือเราเลี้ยงลูกไปเพื่ออะไร เราเลี้ยงลูกไปทำไม

คำตอบที่พ่อแม่ส่วนใหญ่คิดหรือคาดหวังคือให้ลูกแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ เติบโตไปมีสุขภาพจิตดี มีเงินใช้ มีเพื่อน มีคนที่รัก และมีสิ่งแวดล้อมที่ดี ใครจะเลี้ยงก็ตาม เป้าหมายสุดท้ายคือประมาณนี้

เด็กๆ จะพัฒนาตนเองจนกระทั่งบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้ต้องการคนดูแลที่ดีอย่างน้อย 1 คน คนนั้นเป็นแม่หรือพ่อได้ก็ดี เป็นคนอื่นก็พอไหว ขอให้เลี้ยงเขาอย่างดีและเปิดโอกาสให้เขาสร้างความผูกพันหรือสายสัมพันธ์ที่ ดีและแข็งแรงด้วยเป็นใช้ได้

ดังนั้น เรื่องแยกทางจึงอาจจะมิใช่ประเด็น ประเด็นคือใครจะดูแลเขาดีที่สุด อย่างน้อย 1 คน กรุณาคิดดีๆว่าใคร

ใน มุมมองของเด็กๆ หรือลูกของเรา เขาตั้งคำถามนี้เช่นกัน ใครจะดูแลหนูอย่างดีที่สุด ป้อนข้าวป้อนน้ำ พาเข้านอน เล่นด้วย ป้องกันอันตรายให้หนู ใครจะทำหน้าที่นี้ ส่วนเรื่องคนที่ทำหน้าที่นี้จะรักใครหรือไม่รักใครเป็นประเด็นรอง
วัน หนึ่งเด็กก็จะถาม เราไม่ทราบว่าเด็กจะตั้งคำถามว่าอะไรเมื่ออายุเท่าไร หลายท่านคงไม่ทราบว่าเขาตั้งคำถามตั้งแต่ยังพูดไม่ได้แล้ว คำถามอาจจะมาในรูปของสายตา การกระทำ พฤติกรรมบางอย่าง พูดง่ายๆ ว่าคุณถูกตั้งคำถามไปเรียบร้อยแล้ว

แต่เรื่องใครจะรักใครหรือไม่รัก ใครเป็นเรื่องรองนี่ครับ เรื่องใหญ่กว่าคือเรารักเขามากที่สุดและพร้อมจะดูแลเขาอย่างดีที่สุดโดยไม่ มีเงื่อนไข แน่นอนว่าเมื่อเขาเติบโตขึ้นเขาก็จะรู้ด้วยตนเองหรือถามอย่างตรงไปตรงมา เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่หรือการใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ของพ่อ แม่ แต่สำหรับเด็กเล็กเรื่องนั้นเป็นเรื่องรอง

เมื่อเขาเป็นวัยรุ่น เขาอาจจะอยากเป็นเหมือนบ้านอื่นๆ สักพักหนึ่ง แต่ก็เพียงพักหนึ่ง หากเราให้โอกาสเขาอยู่กับความจริงและเรียนรู้ความจริง และด้วยพื้นฐานที่เราเลี้ยงเขาอย่างดีที่สุดครั้งเป็นเด็กเล็ก เขาก็จะยอมรับความจริงได้ และผ่านไปได้ในที่สุด

ผมเดาว่าคุณพ่อถามมา เพราะกลัวลูกจะเป็นเด็กมีปัญหา เด็กจะมีปัญหาเมื่อเขาพบว่าไม่มีเหลือสักคนเดียวที่รักเขาจริง เช่น เขาสังเกตว่าทั้งสองท่านอารมณ์เสียและทะเลาะเบาะแว้งกันตลอดเวลา เป็นต้น หนักกว่านี้คือเขาคิดว่าตนเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อแม่เลิกกันเพราะเขาอยู่ ตรงกลางของการทะเลาะเบาะแว้งนั้นทุกที

 

ท่าทีสำคัญกว่าคำตอบ

 

Q. ในบ้านเราตอนนี้ ถึงลูกจะถาม ส่วนใหญ่เราจะเลี่ยงไม่ตอบครับ เพราะคิดว่าเด็กๆ ไม่ได้อยากรู้อะไรมากอยู่แล้ว การไม่พูดหรือตอบอะไรลูกเลย หรือบอกว่าตอนนี้เขายังไม่เข้าใจหรอก โตกว่านี้ค่อยรู้ จะดีหรือไม่ อย่างไร แต่ส่วนหนึ่งก็ไม่รู้จะตอบเขาอย่างไรด้วยครับ

 

การเลี่ยงไม่ตอบ ไม่ดี การไม่พูด ไม่ดี การบอกว่าตอนนี้เขายังไม่เข้าใจ ไม่ดี

ก่อนจะอ่านต่อไป กรุณาอ่านคำตอบข้อที่แล้ว

หลัก การของเรื่องนี้คือความสัมพันธ์ของสามีภรรยาสิ้นสุดได้ ความสัมพันธ์ของพ่อลูกหรือแม่ลูกสิ้นสุดไม่ได้ หรืออย่างน้อยก็สิ้นสุดหมดสิ้นทั้งสองคนไม่ได้ เพราะชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งจะพัฒนาไปในทางที่ดีได้จำเป็นต้องสร้างสาย สัมพันธ์หรือมีความผูกพันที่ลึกซึ้งต่อผู้เลี้ยงดู 1 คน

เมื่อสามี ภรรยาสิ้นสุดได้ และไม่มีความจำเป็นต้องมีครบทั้งสองคน อีกทั้งลูกก็ไม่ได้ใส่ใจจริงๆ ว่าพวกคุณสองคนจะทำอะไร ที่เขาสนใจมากกว่าและเป็นกังวลมากกว่าคือใครจะเลี้ยงเขา

ดังนั้นคุณ สามารถตอบความจริงได้เสมอไม่ว่าลูกอายุเท่าไรแต่ด้วยภาษาที่ลูกเข้าใจได้ ง่ายๆ และจะดีกว่ามากหากจะไม่มีอารมณ์โกรธ ขึ้ง เคียด ประชดประชันฝ่ายตรงข้าม ต่อว่าหรือแม้กระทั่งพูดจาในทางร้ายต่อฝ่ายตรงข้าม

ความจริง 3 ข้อที่คุณพูดได้และควรพูดคือ
- พ่อแม่ได้ตกลงกันแล้วว่าจะไม่อยู่ด้วยกัน
- พ่อแม่รักลูกมากที่สุดเสมอและจะช่วยกันดูแลลูกอย่างดีที่สุด
- ถึงพ่อ(หรือแม่)จะไม่สะดวกดูแลลูก แต่แม่(หรือพ่อ)จะรักลูก ดูแลลูก และอยู่กับลูกตลอดไป
ความจริงที่ตอบได้และควรตอบมีเพียงเท่านี้เอง ท่านสามารถเปลี่ยนแปลงสำนวนได้ตามใจชอบแต่หลักๆ คือบอกความจริงที่กระชับและสั้น

มี กติกาสองข้อที่ต้องยอมรับกันก่อน หนึ่ง ลูกมีสิทธิ์ถามซ้ำๆ เราก็ต้องตอบซ้ำๆ มิใช่โมโหว่าตอบหลายครั้งแล้วพูดไม่รู้เรื่อง ขอให้คิดถึงความกังวลของการถูกทิ้งให้ตายก็แล้วกันว่าน่ากลัวเพียงใด ดังนั้นกรุณาเข้าใจเมื่อเขาถามซ้ำๆ สอง คือเด็กแต่ละคนปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆกัน นอกจากถามซ้ำแล้วบางคนอาจจะมีพฤติกรรมแปลกประหลาดเกิดขึ้น ขอให้เข้าใจว่านั่นคือพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาของการปรับตัว เราจำเป็นต้องให้เวลาเด็กปรับตัว ซึ่งแต่ละคนจะเร็วช้าไม่เท่ากัน จนกว่าเขาจะยอมรับคำตอบของคุณได้ พฤติกรรมพิกลๆ บางอย่างจึงจะหายไป

เด็กบางคนถามว่าทำไม อันนี้คุณพ่อไม่ได้ถามมา ผมชิงตอบ

เรา สามารถตอบได้ว่าพ่อแม่มีเรื่องที่คิดเห็นไม่ตรงกันหลายเรื่องจึงตัดสินใจไม่ อยู่ด้วยกัน เด็กจำนวนหนึ่งพอใจกับคำตอบประมาณนี้ แน่นอนว่าจะมีอีกจำนวนหนึ่งที่ลงรายละเอียดและไล่เบี้ย คำตอบที่แนะนำคือ ෳพ่อ(หรือแม่)ก็ไม่รู้เหมือนกัน෴ ซึ่งเป็นคำตอบที่เป็นจริงและถูกต้องที่สุด

เพราะ ในความเป็นจริง พ่อแม่ที่แยกทางกันเอาเข้าจริงก็มึนๆ ว่าไม่รู้เกิดขึ้นได้อย่างไร อาจจะมีบางคนทำอะไรผิดชัดๆบ้างในตอนแรก แต่ปฏิกิริยานับจากนั้นมักสับสนอลหม่านจนกระทั่งไม่รู้ใครทำร้ายใครมากกว่า กันเสมอ ดังนั้นอย่าอวดรู้ว่าตนเองรู้เพราะที่จริงก็ไม่ค่อยรู้ ก็จงตอบลูกไปตามจริงว่า ෳแม่(หรือพ่อ)ก็ไม่รู้เหมือนกัน෴

ที่สำคัญกว่าคำตอบคือท่าที ความจริงใจและความอ่อนโยนในการตอบ

ที่มาข่าว women.sanook.com
ภาพประกอบ http://www.thinkstockphotos.com/