SELECT autopage4_data_topic.IdTopic , autopage4_page_topic.DataDetail , autopage4_page_topic.TitleDetail FROM autopage4_page_topic INNER JOIN autopage4_data_topic ON autopage4_data_topic.IdTopic = autopage4_page_topic.IdTopic AND autopage4_data_topic.IdTopic = 1485
แม้ว่าการ ෳตี෴ จะใช้กันมาหลายชั่วอายุคน แต่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากกลับไม่เห็นด้วยเลยกับการฝึกวินัยเด็กด้วยวิธีนี้
เพราะการตีอาจยับยั้งเด็กไม่ให้ทำผิดซ้ำเรื่องเดิม แต่ก็ทำได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ และการตีอาจหยุดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ได้แต่ใช้เปลี่ยนนิสัยไม่ได้ รวมทั้งใช้สอนถูกผิดไม่ได้ นอกเสียจากเด็กจะเข้าใจว่าเขาถูกตีหรือไม่ถูกตีเพราะอะไร
จากการศึกษาวิจัยพบว่าประโยชน์ระยะสั้นของการตี สร้างความเสี่ยงหลายอย่างในระยะยาวให้เด็ก ได้แก่
การตีจะเพิ่มความรุนแรง ความก้าวร้าวและพฤติกรรมต่อต้านสังคมให้มีมากยิ่งขึ้น
เด็กจะเข้าใจว่าการใช้กำลังเป็นวิธีตัดสินความขัดแย้งที่ดีที่สุด
เด็กจะไม่ยอมเรียนรู้วิธีจัดการความโกรธและอารมณ์หงุดหงิดด้วยวิธีอื่นๆ ที่รุนแรงน้อยกว่า (เพราะเขาเรียนรู้จากตัวอย่างวิธีรุนแรงที่พ่อแม่ทำให้ดูแล้ว)
การตีเป็นการแสดงการใช้อำนาจในทางที่ผิดของคนตัวโตที่มีกำลังมากกว่าต่อคนตัวเล็กๆ ที่กำลังน้อยกว่า
การตียังอาจเป็นเหตุของการบาดเจ็บที่รุนแรงในเด็กแม้จะไม่ได้เจตนา โดยเฉพาะตีเพราะโกรธหรือโมโห
แม้จะตีหลังจากอารมณ์โกรธลดลงแล้ว ร่างกายลูกอาจไม่เป็นอะไร แต่จะยิ่งทำให้เด็กสงสัยกว่าการถูกตีทันที
หลังจากที่ทำผิด ซึ่งก็สร้างความรุนแรงทางใจได้ไม่น้อยแถมยังใช้ขัดเกลานิสัยเด็กไม่ได้อีกด้วย จริงๆ ผู้เชี่ยวชาญหลายๆ คนก็บอกว่า ไม่มีตอบชัดเจนหรอกว่าตีตอนเกิดเหตุเลยกับตีหลังจากเหตุจบไปแล้วอะไรจะแย่กว่ากัน
ไม่ตีแล้วจะฝึกวินัยลูกน้อยอย่างไรดี
สมาคมกุมารแพทย์ของสหรัฐอเมริกาแนะนำให้พ่อแม่สอนหรือตักเตือนลูกด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช่การตี เช่น
ไทม์เอ้าต์ (time-outs) การแยกให้อยู่ในที่สงบและปลอดภัย เพื่อสงบอารมณ์หรือทบทวนสิ่งที่ทำไป (ควรใช้กรณีที่เด็กโตพอจะเข้าใจความหมายของไทม์เอ้าต์) หรือวิธีอื่นที่เป็นไปในทางบวก
หากการตีนั้นเพราะความโมโห เมื่อพ่อแม่อารมณ์ปกติแล้วควรอธิบายถึงสาเหตุการตี ลูกทำอย่างไรถึงถูกตี และตัวคุณรู้สึกโกรธมากอย่างไร รวมถึงขอโทษลูกด้วย (ใช้ได้ในกรณีที่เด็กโตพอที่จะเข้าใจเช่นกัน)
ผู้เชี่ยวชาญและพ่อแม่จำนวนไม่น้อยเห็นว่าบางกรณี เสียงตีดังเพี้ยะที่ฝ่ามือหรือที่ก้นอาจจำเป็นใน
สถานการณ์ที่อันตราย เพราะเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยไปยังเด็กที่เล็กเกินกว่าจะเข้าใจคำพูดได้ เช่น เมื่อเด็กวัยเตาะแตะเดินออกจากบ้านไปที่ถนนหรือเข้าใกล้เตาแก๊ส อย่างไรก็ตาม เมื่อเด็กๆ สามารถเข้าใจสิ่งต่างๆรอบตัวได้แล้ว การตีหรือวิธีใช้กำลังอื่นๆ ก็ไม่ควรใช้อีกต่อไป
นอกจากนี้พ่อแม่แล้วบุคคลอื่นก็ไม่ควรใช้วิธี ෳตี෴ กับเด็กเช่นกัน แม้การตีของพ่อแม่เกิดจากความรักความหวังดี แต่เด็กจะไม่รับรู้ความรู้สึกเช่นนั้นจากบุคคลอื่นแน่นอน เราควรกำชับกับทุกคนที่ใกล้ชิดดูแลลูกหรือเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นพี่เลี้ยงหรือครูว่าไม่ให้ตีหรือใช้กำลังกับพวกเขาค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก นิตยสาร Real Parenting
ෳตี෴ ดี-ไม่ดี อย่างไร
เพราะการตีอาจยับยั้งเด็กไม่ให้ทำผิดซ้ำเรื่องเดิม แต่ก็ทำได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ และการตีอาจหยุดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ได้แต่ใช้เปลี่ยนนิสัยไม่ได้ รวมทั้งใช้สอนถูกผิดไม่ได้ นอกเสียจากเด็กจะเข้าใจว่าเขาถูกตีหรือไม่ถูกตีเพราะอะไร
จากการศึกษาวิจัยพบว่าประโยชน์ระยะสั้นของการตี สร้างความเสี่ยงหลายอย่างในระยะยาวให้เด็ก ได้แก่
การตีจะเพิ่มความรุนแรง ความก้าวร้าวและพฤติกรรมต่อต้านสังคมให้มีมากยิ่งขึ้น
เด็กจะเข้าใจว่าการใช้กำลังเป็นวิธีตัดสินความขัดแย้งที่ดีที่สุด
เด็กจะไม่ยอมเรียนรู้วิธีจัดการความโกรธและอารมณ์หงุดหงิดด้วยวิธีอื่นๆ ที่รุนแรงน้อยกว่า (เพราะเขาเรียนรู้จากตัวอย่างวิธีรุนแรงที่พ่อแม่ทำให้ดูแล้ว)
การตีเป็นการแสดงการใช้อำนาจในทางที่ผิดของคนตัวโตที่มีกำลังมากกว่าต่อคนตัวเล็กๆ ที่กำลังน้อยกว่า
การตียังอาจเป็นเหตุของการบาดเจ็บที่รุนแรงในเด็กแม้จะไม่ได้เจตนา โดยเฉพาะตีเพราะโกรธหรือโมโห
แม้จะตีหลังจากอารมณ์โกรธลดลงแล้ว ร่างกายลูกอาจไม่เป็นอะไร แต่จะยิ่งทำให้เด็กสงสัยกว่าการถูกตีทันที
หลังจากที่ทำผิด ซึ่งก็สร้างความรุนแรงทางใจได้ไม่น้อยแถมยังใช้ขัดเกลานิสัยเด็กไม่ได้อีกด้วย จริงๆ ผู้เชี่ยวชาญหลายๆ คนก็บอกว่า ไม่มีตอบชัดเจนหรอกว่าตีตอนเกิดเหตุเลยกับตีหลังจากเหตุจบไปแล้วอะไรจะแย่กว่ากัน
ไม่ตีแล้วจะฝึกวินัยลูกน้อยอย่างไรดี
สมาคมกุมารแพทย์ของสหรัฐอเมริกาแนะนำให้พ่อแม่สอนหรือตักเตือนลูกด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช่การตี เช่น
ไทม์เอ้าต์ (time-outs) การแยกให้อยู่ในที่สงบและปลอดภัย เพื่อสงบอารมณ์หรือทบทวนสิ่งที่ทำไป (ควรใช้กรณีที่เด็กโตพอจะเข้าใจความหมายของไทม์เอ้าต์) หรือวิธีอื่นที่เป็นไปในทางบวก
หากการตีนั้นเพราะความโมโห เมื่อพ่อแม่อารมณ์ปกติแล้วควรอธิบายถึงสาเหตุการตี ลูกทำอย่างไรถึงถูกตี และตัวคุณรู้สึกโกรธมากอย่างไร รวมถึงขอโทษลูกด้วย (ใช้ได้ในกรณีที่เด็กโตพอที่จะเข้าใจเช่นกัน)
ผู้เชี่ยวชาญและพ่อแม่จำนวนไม่น้อยเห็นว่าบางกรณี เสียงตีดังเพี้ยะที่ฝ่ามือหรือที่ก้นอาจจำเป็นใน
สถานการณ์ที่อันตราย เพราะเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยไปยังเด็กที่เล็กเกินกว่าจะเข้าใจคำพูดได้ เช่น เมื่อเด็กวัยเตาะแตะเดินออกจากบ้านไปที่ถนนหรือเข้าใกล้เตาแก๊ส อย่างไรก็ตาม เมื่อเด็กๆ สามารถเข้าใจสิ่งต่างๆรอบตัวได้แล้ว การตีหรือวิธีใช้กำลังอื่นๆ ก็ไม่ควรใช้อีกต่อไป
นอกจากนี้พ่อแม่แล้วบุคคลอื่นก็ไม่ควรใช้วิธี ෳตี෴ กับเด็กเช่นกัน แม้การตีของพ่อแม่เกิดจากความรักความหวังดี แต่เด็กจะไม่รับรู้ความรู้สึกเช่นนั้นจากบุคคลอื่นแน่นอน เราควรกำชับกับทุกคนที่ใกล้ชิดดูแลลูกหรือเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นพี่เลี้ยงหรือครูว่าไม่ให้ตีหรือใช้กำลังกับพวกเขาค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก นิตยสาร Real Parenting