SELECT autopage4_data_topic.IdTopic , autopage4_page_topic.DataDetail , autopage4_page_topic.TitleDetail FROM autopage4_page_topic INNER JOIN autopage4_data_topic ON autopage4_data_topic.IdTopic = autopage4_page_topic.IdTopic AND autopage4_data_topic.IdTopic = 1699

ระวังโรคฉี่หนู แนะเกษตรกรสวมบูทลงน้ำ


 


สสจ.บุรีรัมย์เตือนชาวนาฝนตกชุก ระวังฉี่หนูระบาด คาดแนวโน้มยอดผู้ป่วยพุ่ง แนะเกษตรกรควรสวมบูทก่อนลงน้ำ

จากข้อมูลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) บุรีรัมย์ พบว่าตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ จ.บุรีรัมย์ พบผู้ป่วยด้วย โรคไข้ฉี่หนู หรือโรคเลปโตสไปโรซิส เข้ารับการตรวจรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งจังหวัดแล้ว จำนวน 6 ราย เป็นเพศชายทั้งหมด แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต

โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุระหว่าง 45-54 ปี รองลงมากลุ่มอายุ 25-34 ปี, 35-44 ปี และกลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นปี อาชีพที่มีผู้ป่วยสูงสุด คือ อาชีพเกษตรกร รองลงมา ทหาร ตำรวจ งานบ้าน และบุคลากรสาธารณสุข ส่วนอำเภอที่มีการแพร่ระบาดมากที่สุด คือ อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ บ้านกรวด พลับพลาชัย คูเมือง และ อ.เฉลิมพระเกียรติ  ตามลำดับ

ทั้งยังมีแนวโน้มผู้ป่วยด้วยโรค ฉี่หนูเข้ารับการรักษาเพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วงนี้มีฝนตกชุกประกอบกับมีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ เกษตรกรลงไถหว่านปักดำข้าว ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และเสี่ยงต่อการระบาดของเชื้อได้ง่าย

นพ.สุริยา รัตนปริญญา  นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า สสจ.บุรีรัมย์ ได้แจ้งเตือนให้ประชาชนหรือเกษตรกรที่จำเป็นต้องลงไปสัมผัสน้ำเป็นเวลานาน ควรสวมถุงมือ รองเท้าบู๊ท หรือเครื่องป้องกันอย่างมิดชิดโดยเฉพาะ ผู้ที่มีบาดแผลตามร่างกายควรหลีกเลี่ยงการลงสัมผัสน้ำ เพราะเชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย เมื่อเสร็จภารกิจ หรือขึ้นจากน้ำให้รีบล้างมือ ล้างเท้าให้สะอาด เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่มีบาดแผล รอยขีดข่วน ตามร่างกาย เนื่องจากโรคเลปโตสไปโรซิส เกิดจากการสัมผัสปัสสาวะของสัตว์โดยตรง หรือติดต่อโดยทางอ้อมจากแหล่งน้ำ ทุ่งนา และบริเวณที่มีน้ำขัง

นอกจากนั้น หากประชาชนหรือเกษตรกรที่ลงแช่น้ำเป็นเวลานานแล้วเกิดมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ตัวเหลือง ตาเหลือง ให้รีบไปพบแพทย์ทันทีเพราะอาจติดเชื้อโรคไข้ฉี่หนู เพื่อเข้ารับการตรวจรักษา แต่หากล่าช้าปล่อยไว้เป็นเวลานานอาจมีอาการป่วยไข้รุนแรงถึง ขั้นไตวายช็อกและเสียชีวิตได้

 

 

ที่มา: http://www.thaihealth.or.th