แนะหนุ่มสาวออฟฟิศ ปรับตัวช่วงบอลโลก
บอกลาความอ่อนเพลีย โดยไม่พลาดแมตช์สำคัญ
ฤดูกาลบอลโลกมาถึง พร้อมกับหนุ่มสาวออฟฟิศที่มาทำงานพร้อมขอบตาดำคล้ำ ตัวอยู่ออฟฟิศแต่สมองยังไม่ลุกออกจากที่นอน ตกบ่าย เผลอนั่งสัปหงกทั้งที่ต้องรีบทำงานนำเสนอเจ้านาย
แพทย์หญิงเรขา กลลดาเรืองไกร จิตแพทย์ แผนกประกันสังคม โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 กล่าวว่า คนเราควรจะนอนตอนกลางคืน แล้วตื่นเช้า การทำสลับกันจะทำให้ต่อมไพเนียล เริ่มสร้างฮอร์โมนไม่สม่ำเสมอ ทำให้อารมณ์แปรปรวน ไม่มีสมาธิ สมองและระบบประ สาททำงานได้ไม่เต็มที่ การสั่งงานของสมองช้า การทำงานประสานระหว่างมือ และตาจะเหมือนกับผู้ที่ได้รับสารพิษ ทำให้เกิดอันตรายในการขับรถ นอกจากนี้ ยังทำให้ขี้กังวล ไตทำงานหนักขึ้น ท้องผูก ภูมิต้านทานต่ำ ป่วยง่ายขึ้น และหายช้าลง
ถึงแม้จะรู้ว่าดูบอลโลกแมตช์ตีหนึ่งครึ่งแล้วจะเพลียไปทั้งวัน แต่คอบอลก็ยังต้องขอชมให้เต็มแมตช์ คุณหมอแนะนำเคล็ดลับง่ายๆ ให้ไม่ต้องไปนั่งสัปหงกในออฟฟิศว่า
การนอนของคนเรานั้นเป็นรอบ (Sleeping Cycle) ซึ่ง 1 รอบกินระยะเวลาประมาณ 90-110 นาที ซึ่งไม่เท่ากันในแต่ละคน และแต่ละวันก็แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับกิจกรรมในวันนั้น และสิ่งที่ได้รับ เช่น การดื่มกาแฟ แอลกอฮอล์ การออกกำลังกาย และความเครียด
การนอนช่วงดูบอลโลก ควรจะนอนให้ครบรอบการนอน เช่น ถ้าวันนี้จะต้องตื่นตี 1 ก็ควรนอนหลับไปให้ครบ 1 รอบก่อน แล้วค่อยนอนอีกครั้งเมื่อดูบอลจบตอนประมาณตี 3 แต่ถ้านอนหลายรอบการนอนมากเกินไปก่อนตื่นขึ้นมาดูบอล อาจส่งผลให้นอนไม่หลับเมื่อดูบอลจบ
แนวทางคร่าวๆ ในการนอนที่ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียน้อยที่สุดในช่วงดูบอลโลก
ตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการดูแมตช์ช่วงตี 1 อาจจะเข้านอนตอน 5 ทุ่ม ถึง 5 ทุ่มครึ่ง แล้วตั้งนาฬิกาปลุกไว้เพื่อตื่นขึ้นมาดูฟุตบอลตอนตี 1 แล้วค่อยนอนต่อตอนตี 3 แต่ถ้าตื่นไม่ไหวก็ไม่ควรฝืน ควรนอนต่อเนื่องไปเลย
อย่างไรก็ดี การนอนแบบนี้ก็ยังทำให้ตื่นขึ้นมาแล้วไม่สดชื่นเท่ากับการนอนต่อเนื่องตามปกติ และการนอนแบบนี้ไม่ได้ทำให้สดชื่นในตอนเช้า ดังนั้น จึงควรหาเวลางีบหลับในตอนกลางวัน (ไม่เกิน 30 นาที - 1 ชั่วโมง) ซึ่งจะช่วยลดความอ่อนล้า และง่วงนอนได้
ที่สำคัญควรนอนให้มีคุณภาพ หลับให้ สนิท ห้องนอนต้องมืดสนิทอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่มีกลิ่นอับชื้น ไม่ควรฟังวิทยุ หรือเปิดทีวีทิ้งไว้ เนื่อง จากจะทำให้สมองตื่นตัว และนอนในห้อง นอนที่อุณหภูมิเย็นกำลังสบาย ไม่ร้อน หรือหนาวเกินไป
เทคนิคช่วยให้นอนหลับสนิท
1. ที่นอนไม่แข็ง หรือนุ่มเกินไป สะอาด ไม่มีกลิ่นอับชื้น
2. เสื้อผ้าที่หลวมกำลังสบาย เนื้อผ้านิ่มใส่สบาย ไม่รัด หรือทำให้ร้อนเกินไป
3. ปิดไฟ และผ้าม่านให้ห้องมืดสนิท
4. ห้องนอนควรเป็นห้องที่เงียบสนิท ไม่มีเสียงจากรอบๆ ดังรบกวนการนอน
5. ควบคุมเสียงภายในห้องนอน อุปกรณ์บางอย่างในห้องนอน อาจส่งเสียงรบกวนการนอนได้ เช่น นาฬิกา เตียงนอนที่ส่งเสียงเอี๊ยดเมื่อขยับตัว เครื่องปรับอากาศ หรือพัดลมที่ดังเกินไป ฯลฯ ควรป้องกันไว้ก่อนจะนอน
6. กลิ่นสะอาดสดชื่น ไม่ควรนอนในที่ที่มีกลิ่นอับชื้นหรือกลิ่นกับข้าวฟุ้งอยู่ทั่วห้อง หรือถ้าชอบกลิ่นหอมอาจใช้กลิ่นน้ำมันหอมระเหยของไทย เช่น มะลิ กระดังงา ฯลฯ
7. ควรนอนในห้องนอนที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี ทำได้ง่ายๆ โดยการเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ให้ลมพัดผ่าน และเปิดผ้าม่านเพื่อให้แสงแดดช่วยฆ่าเชื้อโรค และช่วยแก้ปัญหากลิ่นอับชื้นได้ดี
8. ไม่ควรดื่มชา กาแฟ หรือน้ำอัดลม ที่มีกาเฟอีนในช่วงเย็น เนื่องจากกาเฟอีนอาจตกต้างในร่างกายได้นานถึง 16 ชั่วโมง
วิธีดังกล่าวไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันสูง โรคหัวใจวาย ฯลฯ เพราะอาจส่งผลต่อชีวิตได้ ถ้าทำอย่างต่อเนื่อง
การนอนที่ดีที่สุดคือการหลับสนิทอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 6 - 8 ชั่วโมง ไม่ควรนอนด้วยวิธีดังกล่าวเป็นประจำ เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว
ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด
วันจันทร์ที่ 21 มิ.ย.53