SELECT autopage4_data_topic.IdTopic , autopage4_page_topic.DataDetail , autopage4_page_topic.TitleDetail FROM autopage4_page_topic INNER JOIN autopage4_data_topic ON autopage4_data_topic.IdTopic = autopage4_page_topic.IdTopic AND autopage4_data_topic.IdTopic = 627

หลอดเลือดตีบตัน


หลอดเลือดแดงตีบตัน

 

Atherothrombosis

Atherothrombosis คือโรคที่เกิดขึ้นเมื่อมีอาการแข็งตัวของเลือดที่เกิดอยู่บนคราบตะกรันของไขมันที่สะสมอยู่บริเวณผนังของหลอดเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดการอุดตันหลอดเลือด

โรคหลอดเลือดแดงตีบตันเป็นโรคที่มีความรุนแรง โดยก่อให้เกิดโรคร้ายแรงอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดในสมองตีบตัน และการตีบของหลอดเลือดแดงส่วนปลาย โดยจากรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี 2544 พบว่า โรคหลอดเลือดแดงตีบตัน เป็นสาเหตุหลักในการเสียชีวิตของประชากรทั่วโลกถึง 55,694,000 คน (คิดเป็น 52% ของสาเหตุการตายทั้งหมด) ในขณะที่โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการตายของประชากร 25,704,000 คน (คิดเป็น 24 % ของการตายทั้งหมด)

ปัจจัยเสี่ยง

การดำเนินชีวิตที่ไม่ถูกลักษณะ เช่น การสูบบุหรี่ รับประทานอาหารไม่เหมาะสม และการขาดการออกกำลังกาย ผู้ชายที่อายุ 65 ปี หรือมากกว่านั้น ผู้หญิงอายุ 70 ปีหรือสูงกว่านั้น หรือผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานสองในสาม ของผู้ป่วยเบาหวานเสียชีวิตด้วยโรคอัมพาต อัมพฤกษ์ หรือหัวใจวาย ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง (คอเรสเตอรอล หรือไตรกลีเซอไรด์)

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า แม้จะมีการสะสมของตะกรันไขมันในหลอดเลือดเกิดขึ้นก็ตาม แต่เนื่องจากผู้ที่เป็นโรคนี้มักมีอาการนำบางอย่าง เช่น อาการชาบริเวณใบหน้า แขน และขาอ่อนแรง ชา เวียนศีรษะ ทรงตัวไม่ได้ ตามัวหรือมองไม่เห็น เจ็บหน้าอก ปวดเมื่อยขา และแผลเรื้อรังที่เท้า ซึ่งอาจทำให้แพทย์หันไปวินิจฉัยโรคเหล่านี้แทน ทำให้ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา และดูแลที่เหมาะสมอย่างทันท่วงที

การป้องกัน

สร้างสุขนิสัยในการดำเนินชีวิตที่ดี และรับยาที่เหมาะสมเพื่อลดความข้นของเกล็ดเลือด

ควบคุมเบาหวาน

เฝ้าระวังระดับความดันโลหิต ตรวจความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ
เพื่มการออกกำลังกาย อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน

ควบคุมน้ำหนัก

รับประทานอาหารที่ช่วยให้สุขอนามัยดี หยุดการสูบบุหรี่

เนื่องจากเกล็ดเลือดมีบทบาทสำคัญต่อการเกิดก้อนอุดตันในหลอดเลือด ดังนั้นการใช้ยาต้านเกล็ดเลือดอาจมีประโยชน์อย่างมากในการรักษาภาวะดังกล่าว

ที่มา:http://www.thaitravelhealth.com/