SELECT autopage4_data_topic.IdTopic , autopage4_page_topic.DataDetail , autopage4_page_topic.TitleDetail FROM autopage4_page_topic INNER JOIN autopage4_data_topic ON autopage4_data_topic.IdTopic = autopage4_page_topic.IdTopic AND autopage4_data_topic.IdTopic = 773

ทำอย่างไรดี...เมื่ออาหารเป็นพิษ


ทำอย่างไรดี...เมื่ออาหารเป็นพิษ

 

เมื่ออาหารเป็นพิษทำอย่างไรดี (คู่หูเดินทาง)

          เคยไหมระหว่างเดินทาง เกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วน ปวดท้อง อาเจียน จนกระทั่งอาจมีอาการปวดศีรษะและปวดเมื่อยตามเนื้อตัวตามมา ทั้งหมดที่ว่ามานี้คืออาการของอาหารเป็นพิษ ซึ่ง "อาหารเป็นพิษ" คือ อาการท้องเดินเนื่องจากการกินอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อนเข้าไปอาจเป็นสารพิษที่มาจากเชื้อโรค สารเคมี หรือพืชพิษ รวมถึงอาหารที่ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ จากเนื้อสัตว์ที่ปนเปื้อนเชื้อ อาหารกระป๋อง อาหารทะเล หรืออาหารค้างคืนที่ไม่ได้อุ่นก็ทำให้เป็นโรคนี้ได้เช่นกัน โดยจะเกิดอาการท้องร่วง คลื่นไส้ และอาการปวดท้องอันเนื่องมาจากเชื้อโรค ทำให้เกิดการอักเสบของลำไส้ อาจมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัวตามมาด้วย

          แต่ถ้าคุณมีอาการท้องเสียมาก ๆ ร่างกายจะเกิดอาการขาดน้ำและเกลือแร่ บางคนอาจมีอาการรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากมีการติดเชื้อและเกิดการอักเสบที่อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย และเมื่อเชื้อเข้าสู่กระแสโลหิตก็ทำให้เกิดโลหิตเป็นพิษได้ แต่ถ้าพิษนั้นเกิดจากสารเคมีหรือพืชพิษบางชนิดจะมีผลต่อระบบประสาท เช่น ชัก หมดสติ และร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย

เมื่อเกิดอาการอาหารเป็นพิษควรทำอย่างไร

          ถ้าคุณท้องเสียมากเกินไปควรดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำของร่างกาย

          ถ้ามีอาการทางระบบประสาท (เช่น ชัก หมดสติ) หรือสงสัยว่าจะเกิดจากยาฆ่าแมลงหรือสารพิษอื่น ๆ ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน

          ถ้าท้องเสีย อย่ากินยาหยุดถ่ายนะคะ อาการท้องร่วงส่วนใหญ่มักจะหายได้เองเพราะการขับถ่ายเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายที่จะต้องขับของเสียออกจากร่างกายอยู่แล้วค่ะ

วิธีรับมืออาหารเป็นพิษ

          1. หมั่นล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนปรุงและกินอาหาร

          2. ดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุกทุกครั้ง

          3. อย่าเสียดายอาหารที่เหลือจากเมื่อวานเลยค่ะ ยิ่งเป็นพวกที่มีกะทิด้วยแล้วยิ่งเสียง่ายมาก

          4. ล้างผักและผลไม้ด้วยน้ำไหล ถ้าแช่ด่างทับทิมได้จะดีมาก (ควรแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง)

          5. ไม่ควรทิ้งเนื้อสด ๆ ไว้นอกตู้เย็น เพราะอุณหภูมิที่ร้อนจะเร่งให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

ที่มา 

 

และ www.kapook.com