SELECT autopage4_data_topic.IdTopic , autopage4_page_topic.DataDetail , autopage4_page_topic.TitleDetail FROM autopage4_page_topic INNER JOIN autopage4_data_topic ON autopage4_data_topic.IdTopic = autopage4_page_topic.IdTopic AND autopage4_data_topic.IdTopic = 92

อาการของมะเร็งที่ควรใส่ใจ


อาการของมะเร็งที่ควรใส่ใจ
พล.ต.ต.นพ.นริศ เจนวิริยะ ศัลยแพทย์
     ปัจจุบันนี้คนเรามีอายุขัยยาวขึ้นจึงเป็นโรคมะเร็งกันมากขึ้น การตรวจพบและรักษามะเร็งตั้งแต่ตอนที่เพิ่งเริ่มต้นเป็นจะมีโอกาสหายจากโรคได้มากกว่าตอนที่เป็นมากแล้ว อาการและอาการแสดงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่บ่งบอกว่าอาจจะมีมะเร็งเกิดขึ้นแล้ว เป็นสิ่งที่เตือนท่านว่าควรจะไปปรึกษาแพทย์เสียแต่เนิ่นๆ

        อาการ (symptom)เป็นความรู้สึกที่จับต้องไม่ได้ เป็นสิ่งที่คนไข้รู้สึกอยู่ในตัว แล้วเอาไปบอกเล่าแก่แพทย์หรือผู้อื่น เช่น ปวดฟัน ปวดท้อง อ่อนเพลีย ซึมเศร้าฯลฯ ได้ ส่วนอาการแสดง(sign) หมายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม เห็นได้ จับต้องได้ ฟังได้ยิน เช่น การไอเป็นเลือด กดเจ็บที่ท้อง ตัวเหลืองตาเหลือง เป็นแผลไม่ยอมหาย ผอมลง ฯลฯ อาการและอาการแสดงเป็นสิ่งที่บ่งบอกโรคได้หลายอย่าง โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ท่านที่กลัวมะเร็งจึงควรใสใจในเรื่องนี้ไว้

     มะเร็งทำให้เกิดอาการได้หลายอย่าง เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งอยู่ หรือจากขนาด หรือจากสารที่มันผลิตขึ้นมา หรือจากการกระจายของตัวมันเอง ฯลฯ

     มะเร็งอาจจะโตขึ้นแล้วไปกดอวัยวะข้างเคียงทำให้เกิดอาการได้ เช่น กดเส้นประสาททำให้ปวด กดอวัยวะภายในท้องทำให้ปวดท้อง กดสมองทำให้เกิดอาการปวดหัว กดท่อน้ำดีทำให้เกิดอาการแสดงดีซ่าน (ตัวเหลืองตาเหลือง) แต่มะเร็งในบางอวัยวะเมื่อเริ่มขึ้นจะไม่ทำให้เกิดอาการจนกระทั่งโตเป็นก้อนใหญ่แล้ว เช่น มะเร็งตับ ส่วนมะเร็งตับอ่อนโดยทั่วไปตอนเริ่มต้นมักไม่มีอาการ (นอกจากจะเกิดขึ้นในที่ๆ ไปอุดท่อน้ำดีพอดีทำให้ดีซ่าน) เมื่อมีอาการ เช่น ปวดหลัง ก็มักจะเป็นมากแล้ว

     มะเร็งอาจจะทำให้มีอาการ ไข้ อ่อนเพลีย หรือน้ำหนักลด อาการเหล่านี้เกิดจากการที่เซลล์มะเร็งผลิตสารที่สามารถเปลี่ยนแปลงการทำงานของร่างกาย เช่น ทำให้การเผาผลาญอาหารมากกว่าปกติ ทำให้ผอมลง ทำให้การทำงานของระบบภูมิต้านทานเสียไป ทำให้เกิดอาการไข้และอ่อนเพลีย สารจากมะเร็งบางอย่างทำให้เกิดอาการของอวัยวะอื่น เช่น สารจากมะเร็งตับอ่อนอาจทำให้เกิดมีลิ่มเลือดไปอุดหลอดเลือดดำที่ขาทำให้ขาบวม สารจากมะเร็งปอดบางอย่างสามารถทำให้ระดับแคลเซียมในเลือดสูงขึ้น ทำให้เกิดอาการของระบบประสาท กล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย มึนงง

     การรักษามะเร็งจะได้ผลดีเมื่อตรวจพบในระยะเริ่มต้นซึ่งเป็นระยะที่ยังไม่แพร่กระจาย ทำให้สามารถผ่าตัดเอาออกหมดได้ ตัวอย่างที่ดีคือ มะเร็งไฝดำที่ผิวหนัง (ซึ่งมักจะเกิดกับคนที่ตากแดดมาก) มักจะตรวจพบได้ง่ายถ้าไม่อยู่ในร่มผ้า เมื่อตรวจพบและผ่าตัดเอาออกหมดแล้วจะมีอัตรารอดชีวิต 5 ปีสูง แต่ถ้าตรวจพบสายไป เช่น มะเร็งที่อยู่ในร่มผ้า ซึ่งมองไม่เห็น กว่าจะรู้มันก็แพร่กระจายไปแล้ว อัตรารอดชีวิต 5 ปีหลังผ่าตัดจะน้อยมาก

     คนไข้ที่มีอาการและอาการแสดงของมะเร็งบางครั้งไม่ได้ใส่ใจ ทำให้โอ้เอ้เสียเวลา บางคนมัวคิดหาเหตุผลอธิบายอาการหรืออาการแสดงไปต่างๆ นานา เช่น พบก้อนที่เต้านมคิดว่าไม่เป็นไร คงเป็นไปตามอายุขัย หรือคงเป็นถุงน้ำ (ซีสต์) ซึ่งไม่ใช่มะเร็ง คิดไปว่ามันอาจจะหายไปเองได้ บางคนมีอาการแล้วมัวไปหาหมอพระหมอผีหมอตี๋หมอสมุนไพรหมอชีวจิต ปล่อยให้เป็นมากแล้วจึงมาหาหมอหลวง บางคนมีอาการแล้วกลัวจึงพยายามหลบหนีความจริงไม่อยากจะรู้ว่าเป็นอะไรปล่อยไปจนทนไม่ไหว อาการและอาการแสดงหลายอย่างอาจจะเกิดจากโรคต่างๆ ได้หลายโรค อาจจะไม่ใช่มะเร็งเสมอไป แต่จะเป็นการปลอดภัยกว่าถ้าไปปรึกษาแพทย์ให้ตรวจเช็คเสียก่อน

อาการและอาการแสดงของมะเร็งอาจจะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม

     ෵ อาการและอาการแสดงทั่วไป
     ෵ อาการและอาการแสดงจำเพาะมะเร็ง

อาการและอาการแสดงทั่วไป
   
     มีได้หลายอย่าง เช่น น้ำหนักลดโดยไม่มีเหตุผล อยู่ๆ ก็เป็นไข้ อ่อนเพลีย มีอาการปวด ผิวหนังเปลี่ยนแปลง

     ถ้าท่านอยู่ๆ ก็มีน้ำหนักลดถึง 5 กิโลกรัม กางเกงหลวมโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ไดเอ็ต ก็จำเป็นต้องสงสัยว่ามีอะไรเกิดขึ้น มันอาจจะไม่ใช่มะเร็งอาจจะเป็นเบาหวานก็ได้ แต่จำเป็นต้องเช็คว่าเป็นมะเร็งในส่วนลึกๆ หรือเปล่า เช่น มะเร็งตับอ่อน กระเพาะอาหาร หลอดอาหาร หรือปอด

     ไข้ เป็นอาการและอาการแสดงของมะเร็งได้บ่อย โดยเฉพาะมะเร็งระยะท้ายๆ อาจจะกล่าวได้ว่าคนไข้มะเร็งเกือบจะทั้งหมดจะมีไข้ไม่ตอนใดก็ตอนหนึ่งของการดำเนินโรค โดยเฉพาะถ้ามะเร็งหรือการรักษามีผลต่อระบบภูมิต้านทานจะทำให้คนไข้ต้านการติดเชื้อได้น้อยลง ในมะเร็งบางอย่างไข้เป็นอาการและอาการแสดงที่เกิดขึ้นในระยะแรกๆ เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว ที่เรียกว่า ลูคีเมีย (leukemia) หรือ ลิมโฟมา (lymphoma)

     อ่อนเพลีย ไม่ค่อยมีแรง เป็นอาการที่สำคัญอย่างหนึ่งโดยเฉพาะเมื่อมะเร็งเป็นมากขึ้น ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในระยะแรก เช่น ในมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือมะเร็งที่ทำให้มีการเสียเลือดทำให้เลือดจาง เหนื่อยง่าย อย่างเช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่

     อาการปวด อาจเป็นอาการของมะเร็งบางอย่างในระยะเริ่มแรก เช่น มะเร็งกระดูก หรือมะเร็งอัณฑะ แต่โดยมากแล้วอาการปวดเป็นอาการของมะเร็งในระยะท้ายๆ เช่น ปวดท้องจากมะเร็งลำไส้ตีบตัน เป็นต้น

     การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง มะเร็งที่ผิวหนังจะมีการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังแน่ เช่น เป็นแผลไม่ยอมหาย ไฝดำโตขึ้น แต่โรคอย่างอื่นที่ไม่ใช่โรคผิวหนังก็อาจจะมีอาการแสดงที่ผิวหนังได้ เช่น ดีซ่าน (ตัวเหลืองตาเหลือง) จากมะเร็งท่อน้ำดี ผิวสีคล้ำมากขึ้นจากมะเร็งในสมอง ผิวมีสีแดงเป็นปื้นเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ ได้ในมะเร็งตับอ่อนบางชนิด (Glucagonoma) มะเร็งบางชนิดผลิตฮอร์โมนทำให้มีอาการคัน มีขนงอกมากขึ้น มะเร็งคาร์ซินอยด์ในลำไส้ใหญ่หรือไส้ติ่งผลิตสารฮอร์โมนทำให้มีอาการผิวหนังอมเลือด หน้าแดง ใจเต้น เหงื่อแตก เป็นต้น

อาการและอาการแสดงจำเพาะมะเร็ง

     อาการและอาการแสดงทั่วไปเมื่อร่วมกับอาการจำเพาะจะบ่งบอกถึงมะเร็งได้ดีขึ้น แต่อาจจะไม่แน่นอนตายตัว คือโรคอื่นอาจจะมีอาการอาการแสดงเหมือนกันได้ แต่สิ่งสำคัญคือควรจะปรึกษาแพทย์

     แผลที่ผิวหนังที่ไม่ยอมหาย
     มะเร็งผิวหนังอาจจะมาด้วยอาการและอาการแสดงที่แผลรักษาไม่ยอมหาย เช่น เป็นแผลในปากไม่ยอมหาย อาจจะเกิดจากมะเร็ง โดยเฉพาะในคนที่สูบบุหรี่ เคี้ยวยาสูบ กินเหล้า กินหมาก แผลเรื้อรังที่อวัยวะเพศอาจจะเป็นมะเร็งได้ ต้องให้หมอตรวจ แผลเรื้อรังที่ขาอาจจะกลายจากแผลเลือดดำคั่งกลายไปเป็นมะเร็ง

     เลือดออกหรือมีน้ำหลั่งออกมา
     การที่มีเลือดออกอาจจะเกิดจากมะเร็งในระยะต้นๆ หรือระยะท้ายๆ ก็ได้ เช่น ถ่ายเป็นเลือด อาจจะเป็นจากมะเร็งในลำไส้ใหญ่ ฉี่เป็นเลือดจากมะเร็งกระเพาะปัสสาวะหรือไต เลือดออกทางช่องคลอดจากมะเร็งปากมดลูก หรือเยื่อบุมดลูก ไอเป็นเลือดจากมะเร็งปอด เลือดออก หรือน้ำหลั่งออกทางหัวนมจากมะเร็งเต้านม

     เป็นก้อนที่เต้านมหรือที่อวัยวะอื่น
     มะเร็งหลายอย่างคลำพบได้ผ่านผิวหนัง เช่น มะเร็งเต้านม บางที่มองเห็นได้ เช่น ที่ผิวของเต้านมบุ๋มลงไปจากมะเร็งเต้านมดึงรั้ง มะเร็งอัณฑะก็มองเห็นและคลำได้เป็นก้อนโตกว่าปกติ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบก็โตขึ้นจนคลำได้

     อาการกลืนลำบากหรือท้องอืด
     อาการแบบนี้อาจจะเกิดได้จากหลายโรค แต่จำเป็นต้องคิดถึงมะเร็งไว้ เช่น มะเร็งหลอดอาหารทำให้กลืนลำบาก มะเร็งกระเพาะอาหารทำให้แน่นท้องท้องอืด มะเร็งในคอทำให้กลืนลำบาก เป็นต้น มะเร็งลำไส้ใหญ่ทำให้ท้องอืดได้เช่นกัน เพราะมะเร็งไปตีบตันลำไส้

     ไอเรื้อรังหรือเสียงแหบ
     อาการนี้ต้องนึกถึงมะเร็งปอดหรือหลอดลม กล่องเสียงหรือต่อมไทรอยด์ ถ้าเป็นไม่ยอมหายควรปรึกษาแพทย์ อย่านิ่งนอนใจ


     อาการและอาการแสดงดังกล่าวข้างต้นนี้เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยๆ ส่วนอาการที่ยังไม่ได้กล่าวถึงก็มีอีก แต่อย่างไรก็ตามควรจะยึดหลักการทั่วไปง่ายๆ คือ ถ้าคุณมีอาการหรืออาการแสดงหรือการทำงานของร่างกายผิดปกติ โดยเฉพาะถ้าเป็นอยู่นานไม่ยอมหายสักที หรือเป็นมากขึ้น คุณควรจะต้องปรึกษาแพทย์ แพทย์จะทำการตรวจสืบค้น ถ้าตรวจพบมะเร็ง ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าได้ตรวจพบมะเร็งในระยะเริ่มแรกซึ่งนับว่าเป็นโชคดีของท่าน เพราะรักษาหายขาดได้

 

 

ที่มา  http://www.healthtoday.net/thailand/disease/disease_87.html