SELECT autopage4_data_topic.IdTopic , autopage4_page_topic.DataDetail , autopage4_page_topic.TitleDetail FROM autopage4_page_topic INNER JOIN autopage4_data_topic ON autopage4_data_topic.IdTopic = autopage4_page_topic.IdTopic AND autopage4_data_topic.IdTopic = 94

เครียด ครียด เครียด


เครียด เครียด เครียด

 


          "ความเครียด" กลายเป็นสาเหตุยอดนิยมที่ทำให้คนสมัยนี้ "ป่วย" กันเป็นแถวไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม

          คุณล่ะ แน่ใจหรือว่าไม่ได้กำลังโดนความเครียดลอบทำร้ายอยู่

          อันที่จริง ความเครียดนั้นมีข้อดีคือทำให้เรามีความเข้มแข็งคึกคักขึ้น แต่ถ้าเครียดมากไปก็ทำร้ายร่างกายได้ด้วยการสร้างความปั่นป่วน และเปลี่ยนแปลงในระบบต่างๆของร่างกายเรา

          เวลาเราตื่นเต้น ตกใจ ดีใจ หรือเสียใจ ระบบเลือด ระบบย่อย ระบบหายใจของเราเปลี่ยนแปลงไปโดยทันที เอนไซม์และฮอร์โมนหลายสิบตัวในร่างกายเปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม บางตัวหายไปเลย บางตัวออกมามากอย่างผิดปกติ

          ยามที่เราเครียด ร่างกายของเราก็เครียดตามไปด้วย ซึ่งถ้าความเครียดกับร่างกายเกิดขึ้นซ้ำๆซากๆก็จะกลายเป็นความเจ็บป่วยได้ง่าย การเจ็บป่วยนั้นอาจไม่รุนแรงหรือไม่ร้ายแรงในขั้นต้น แต่ถ้าความเครียดยังมีอยู่ต่อไป ก็จะกลายเป็นการป่วยที่ร้ายแรงได้            

          นอกจากนี้ ความเครียดยังมีผลทำให้กลุ่มเลือดขาว (Lymphocyte) ซึ่งเป็นตัวสำคัญของภูมิต้านทาน หรือระบบป้องกันของร่างกาย ลดต่ำลงทันที

          นั่นหมายถึงว่า ความเครียดทำให้ "ภูมิชีวิต"ลดลง ซึ่งก็เป็นโอกาสอันดีที่ปัจจัยทั้งภายในและภายนอกจะโจมตีร่างกาย ทำให้เราเจ็บป่วย หรือหากเจ็บป่วยอยู่แล้ว ก็จะยิ่งอ่อนแอลงไปอีก

          ทางที่ถูกต้องคือ ต้องรู้จัก "คิดในทางบวก" (POSITIVE THINKING)คือรู้จักให้อภัย เข้าใจ และปล่อยวางได้ ไม่ยึดติด ไม่ขึ้งโกรธ ไม่ถือสา

          นั่นเป็นทางออกของความรู้สึก หากทำได้ตามนี้ก็จะไม่มีความเครียด แต่ถ้าเกิดความเครียดขึ้นแล้วจนแสดงผลทางกาย เราก็ต้องรู้จักผ่อนความเครียดให้แก่ร่างกายด้วย

 

"คลายเครียด" ให้ร่างกายกันเถอะ

          จากการศึกษาวิจัยของหลายสถาบันพบว่า เวลาเราเครียดหรือไม่สบายใจ ปฏิกิริยาของร่างกายจะเกิดขึ้นที่ท้องก่อน เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ กินอาหารไม่ค่อยได้นั่นเพราะระบบย่อยถูกรบกวนจากความรู้สึกทางใจก่อน และการทำงานของระบบย่อยจะค่อยๆเสียไปในที่สุด

          อีกประการหนึ่งที่ความเครียดมักแสดงผลต่อร่างกายคือ "อาการปวดเกร็ง" ไม่ว่าจะเป็นปวดหัว ปวดตัว ปวดหลัง ปวดต้นคอ ปวดเอว ปวดตามข้อ นั่นเป็นเพราะเมื่อเครียดแล้ว เลือดไปเลี้ยงตามกล้ามเนื้อไม่ได้ หากผสมกับมี ท็อกซิน สะสมในร่างกายเป็นปริมาณมากอยู่แล้ว สถานการณ์จะยิ่งย่ำแย่ไปใหญ่

         ฉะนั้น มา "คลายเกร็ง" เพื่อ "คลายเครียด" ให้ร่างกายก่อนดีกว่า

 

บริหารกาย คลายเกร็ง-คลายเครียด

           เริ่มจากนอนหงายบนพื้นราบ ถ้านอนบนที่นอน ให้ใช้ที่นอนแบบแข็งๆ บางๆ แต่นอนบนเสื่อหรือกระดานดีที่สุด นอนแผ่ กางแขนกางขา ปล่อยตัว ทิ้งน้ำหนักตามสบาย เหมือนว่าจะจมลงไปบนพื้น หายใจยาวๆหลายๆครั้ง

บริหารแขน

          หลับตา แล้วกำมือซ้ายแน่น กำจนมือสั่น นับช้าๆหนึ่งถึงสิบ แล้วแบมือโดยเร็ว แขนควรจะสบายทั้งแขน ถ้ายังไม่เบาทั้งแขน ให้กำมือเกร็งใหม่อีกครั้งสองครั้ง จนกว่าแขนจะหายเกร็ง เปลี่ยนเป็นกำมือขวา ทำอย่างเดียวกับข้างซ้าย

บริหารขา

          เหยียดปลายเท้าซ้าย เกร็งขาซ้ายจนสั่นแล้วคลายทันที หากยังรู้สึกว่าขาไม่คลายเกร็ง ทำซ้ำจนกว่าจะเบาสบาย เปลี่ยนเป็นขาขวา ทำอย่างเดียวกับข้างซ้าย

บริหารคอ

          ยกคอขึ้น ก้ม คางจรดอก (เกร็งเฉพาะส่วนคอ ร่างกายส่วนอื่นปล่อยตามสบาย) หมุนศีรษะไปทางซ้ายจนครบ 1 รอบ หมุนศีรษะกลับมาทางขวาจนครบ 1 รอบ วางศีรษะลงบนพื้น ทำซ้ำจนกว่าจะรู้สึกเบา

บริหารท้อง

          แขม่วท้องให้สะดือจรดหลัง หรือรู้สึกว่ามันคงจะจรดสันหลังแล้ว กลั้นหายใจสักครู่ แล้วผ่อนลมหายใจออกยาวๆ ทำอย่างเดิมซ้ำอีก 2-3 ครั้ง ต่อจากนั้นให้หายใจตามปกติ

 

         เมื่อบริหารมาครบทุกท่า ถึงตอนนี้ร่างกายหย่อนคลายเต็มที่แล้ว ใช่ไหมคะ

 

วิธีทำสมาธิแบบง่ายๆ

           หลังจากที่ผ่อนคลายร่างกายแล้ว ถ้าจะให้ดีควรทำสมาธิต่อไปเลยค่ะ เพราะตอนนี้กายเบาแล้ว ถ้าทำให้จิตใจเบาสบายด้วย รับรองว่าคืนนี้หลับสบาย แล้วพรุ่งนี้ก็ตื่นอย่างสดใสแน่ๆ

           การทำสมาธิเป็นเหมือนยาขมของหลายๆคน เพราะเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่วุ่นวายยุ่งเหยิง ทำให้จิตใจเตลิดเปิดเปิงไปได้ง่ายๆไม่เป็นไร

           เรามีวิธีทำสมาธิแบบง่ายๆสไตล์ชีวจิตให้ฝึกกัน ครั้งแรกไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร ฝึกฝนไปเรื่อยๆแล้วจะได้ประโยชน์กับตัว

 


เริ่มจาก

 

  • หายใจปกติ เบาๆสบาย ใช้สมาธิกำกับให้เป็นจังหวะสม่ำเสมอ

     

  • เอาใจมาเพ่งที่หว่างคิ้ว จดจ่ออยู่กับลมหายใจ

     

  • กำจัดการคิดถึงเรื่องอื่น ด้วยการนับเลข ใช้วิธีนับซ้ำ อย่างนี้

     

1
1 - 2
1 - 2 - 3
1 - 2 - 3 - 4
1 - 2 - 3 - 4 - 5
1 - 2 - 3 - 4 - 5 - 6
1 - 2 - 3 - 4 - 5 - 6 - 7

 

           บางท่านทำสมาธินับเลขแล้วรู้สึกสบายจนผลอยหลับไป นั่นคือข้อดีอย่างหนึ่งสำหรับแก้อาการนอนไม่หลับ

           แต่ถ้าจะดีกว่านั้น ควรกำหนดสมาธิ มีสติ ไม่ปล่อยให้หลับ อาจารย์สาทิสแนะนำว่า ถ้าฝึกบ่อยๆให้ตั้งใจไว้เลยว่า นับถึงเลขอะไรแล้วจะหลับ ก็จะหลับได้ทันทีเหมือนถอดปลั๊ก ก่อนหลับตั้งใจไว้อีกว่าพรุ่งนี้จะตื่นกี่โมง หลับทั้งสมาธิอย่างนี้จะหลับสนิท ไม่ฝัน ถึงเวลาจะตื่นได้จริงตามนั้น ไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุกเลย

 

การที่ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ก็เป็นวิธีส่งเสริม "ภูมิชีวิต" ทางหนึ่ง

 

ที่มา :http://www.cheewajit.com/relax.asp